ไฟฟ้าช็อต (Electric Shock) คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากเต้าเสียบไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
การเกิดไฟฟ้าช็อตเป็นผลมาจากการสัมผัสกับสิ่งต่างๆเหล่านี้
- เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องจักรที่ชำรุด
- สายไฟในบ้านเรือน
- เสาไฟฟ้าแรงสูง
- ฟ้าผ่า
- เต้าเสียบไฟฟ้า
4 ปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุของอาการบาดเจ็บที่เป็นผลมาจากการสัมผัสกับกระแสไฟฟ้า :
- ประกายไฟ : การบาดเจ็บจากประกายไฟโดยทั่วไปแล้วมักเกิดที่ผิวบริเวณพื้นผิวส่วนบน อาการเหล่านี้เป็นผลมาจากประกายไฟที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรเป็นหนึ่งในการแตกตัวของพลังงานไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจึงไม่สามารถแพร่ผ่านผัวหนังไปได้
- เปลวไฟ : การบาดเจ็บนี้เกิดจากประกายไฟที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมีผลทำให้เสื้อผ้าติดไฟได้ กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอาจจะผ่านหรือไม่สามารถผ่านผัวหนังไปได้
- ฟ้าผ่า : การที่กระแสไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงไหลผ่านร่างกายเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
- ไฟฟ้าซ็อต : การที่คนเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้าทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าและออกจากร่างกาย
ภาวะช็อคที่เกิดจากการสัมผัสกับเต้าเสียบไฟฟ้าหรือจากเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายในบ้านเรือนแทบจะไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ร้ายแรงแต่อย่างไรก็ตามหากมีการสัมผัสกับกระแสไฟฟ้านานเกินไปก็อาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
The let-go threshold
ระดับของ let – go คือระดับต่ำที่สุดที่กล้ามเนื้อของมนุษย์เกิดการหดตัวนั่นหมายความว่าผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตจะไม่สามารถปล่อยตัวเองออกจากแหล่งของกระแสไฟฟ้าได้จนกว่าบุคคลนั้นจะถูกนำผู้อื่นพาออกไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยได้
ตารางนี้แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองของร่างกายที่แตกต่างกันตามความแรงของกระแสไฟฟ้าที่วัดในหน่วยมิลลิแอมป์ (mA)
กระแสไฟฟ้า (mA) | การตอบสนองของร่างกาย |
0.2–2 | การรับรู้ว่ามีกระแสไฟฟ้า |
1–2+ | เกิดภาวะช็อค |
3–5 | กระแสไฟฟ้าถึงระดับ let-go threshold ในเด็ก |
6–10 | กระแสไฟฟ้าถึงระดับต่ำสุดของ let-go threshold ในผู้ใหญ่ |
10–20 | เกิดอาการชักในบริเวณที่สัมผัสกับกระแสไฟ |
22 | จำนวนร้อยละ 90 ของผู้ใหญ่ไม่สามารถปล่อยตัวเองออกจากกระแสไฟฟ้าได้ |
20–50 | เกิดอาการชัก |
50–100 | หัวใจเต้นผิดจังหวะจนเกิดภาวะคุกคามต่อชีวิต |
สาเหตุการเกิดไฟฟ้าช็อต
จากบทความในปี 2019 ไฟฟ้าในประเทศที่วิ่งผ่านทั่วไปในครัวเรือนของประเทศสหรัฐอเมริกามีขนาด 110 โวลต์ แต่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดต้องการกำลังไฟฟ้าถึงขนาด 220 โวลต์ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและเสาไฟฟ้าแรงสูงต้องการมากถึง 100,000 โวลต์
ในบทความเดียวกันนั้นได้ระบุไว้ว่ากระแสไฟฟ้าแรงสูงที่มีขนาดมากว่า 500 โวลต์ขึ้นไปสามารถทำให้เกิดการไหม้ในส่วนของผิวที่อยู่ลึกลงไป ในขณะที่กระแสไฟฟ้าขนาดต่ำตั้งแต่ 110 – 120 โวลต์สามารถเป็นผลให้กล้ามเนื้อกระตุกได้
คนเราสามารถเกิดอันตรายจากภาวะไฟฟ้าดูดผ่านการสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก, เต้าเสียบที่ติดบนผนัง, สายไฟฟ้าที่ใช้พ่วงต่อ โดยอันตรายที่เกิดขึ้นที่แทบจะไม่ได้เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บที่ร้ายแรงหรืออาการแทรกซ้อนใดๆ
โดยประมาณครึ่งหนึ่งของการเสียชีวิตจากไฟฟ้าเกิดขึ้นในที่ทำงาน และอันตรายจากไฟฟ้าซึ่งมีความเสี่ยงสูงแต่ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต มีดังนี้:
- การก่อสร้าง
- การท่องเที่ยวและงานด้านบริการ
- งานด้านการศึกษาและระบบบริการสุขภาพ
- ที่พักอาศัยและงานบริการด้านอาหาร
- ฝ่ายการผลิต
ปัจจัยหลายๆอย่างเป็นผลทำให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงจากการเกิดไฟฟ้าช็อต มีดังนี้ :
- ความแรงของกระแสไฟฟ้า
- ชนิดของกระแสไฟฟ้า — ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) หรือ ไฟฟ้ากระแสตรง (DC)
- ส่วนของร่างกายที่สัมผัสกับกระแสไฟฟ้า
- ระยะเวลาที่ร่างกายสัมผัสกับกระแสไฟฟ้า
- ความต้านทานของกระแสไฟฟ้า
อาการและผลข้างเคียงหลังจากการโดนไฟฟ้าช็อต
อาการจากไฟฟ้าช็อตขึ้นกับหลายปัจจัย การบาดเจ็บจากกระแสไฟฟ้าขนาดต่ำมักจะเกิดที่พื้นผิวบริเวณด้านบน ในขณะที่การสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าเป็นระยะเวลานานมักทำให้เกิดการไหม้ในบริเวณพื้นผิวที่อยู่ลึกลงไปในผิวหนัง
การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายหลังจากการถูกไฟฟ้าช็อตมักเกิดจากการตอบสนองของร่างกายโดยการกระตุก ซึ่งมักจะเกิดจากสาเหตุของการสูญเสียสมดุลของร่างกาย หรืิอ เกิดจากการตกจากที่สูงรวมไปถึงการบาดเจ็บที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
ผลข้างเคียงในระยะสั้น
ขึ้นกับระดับความรุนแรง โดยผลที่เกิดขึ้นทันทีทันใดหลังจากถูกไฟฟ้าช็อตมีดังนี้ :
- ผิวไหม้
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ภาวะชัก
- ความรู้สึกชาและเจ็บเหมือนมีเข็มทิ่ม
- หมดสติ
- ปวดหัว
บางคนก็เคยประสบกับอาการที่ไม่น่าพึงพอใจ ไม่เพียงแต่เกิดความเสียหายทางร่างกาย ในขณะเดียวกันนั้นบางคนก็เคยประสบกับอาการเจ็บปวดที่มากและทำให้เนื้อเยื่อเสียหายอย่างเห็นได้ชัด
ผู้คนเหล่านี้อาจจะไม่เคยพบอาการบาดเจ็บที่ส่งผลแก่ชีวิตหรือความผิดปกติที่หัวใจ หลังจาก 24 – 48 ชั่วโมงจากการถูกไฟฟ้าช็อตอาจมีอาการเหล่านี้
อาการข้างเคียงที่รุนแรงที่เกิดขึ้นมีดังนี้ :
- ภาวะที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวและไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง
- หัวใจล้มเหลว
- ภาวะหยุดหายใจ
ผลข้างเคียงในระยะยาว
หนึ่งในการศึกษาพบว่าผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตจะประสบกับปัญหาเกี่ยวกับหัวใจภายหลังจากการถูกไฟฟ้าช็อตเป็นเวลา 5 ปีเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่เคยถูกไฟฟ้าช็อต
บางคนมีอาการที่เกิดขึ้นหลากหลาย รวมไปถึงอาการทางจิต, อาการทางระบบประสาท, และอาการทางร่างกาย
อาการที่เกิดขึ้นมีดังนี้ :
อาการทางจิต | อาการทางระบบประสาท | อาการทางร่างกาย |
อาการซึมเศร้าภายหลังจากเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ | การสูญเสียความทรงจำ | อาการเจ็บปวด |
ภาวะซึมเศร้า | ความสนใจลดลง | เหนื่อยล้า |
ความกังวัล | ความรู้สึกเจ็บเหมือนมีเข็มมาทิ่ม | ปวดหัว |
อาการนอนไม่หลับ | หน้ามืดเป็นลม | การเคลื่อนไหวลดลง |
ความสนใจในระยะสั้นลดลง | สูญเสียสมดุลของระบบประสาท | กล้ามเนื้อกระตุก |
สูญเสียความทรงจำ | อาการปวดที่สะโพกร้าวลงมาที่ขา | ข้อติด |
ภาวะตื่นตระหนักต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง | การเคลื่อนไหวไม่ประสานกัน | เหงื่อออกตอนกลางคืน |
ผู้ที่มีบาดแผลไฟไหม้จากการถูกไฟฟ้าช็อตควรขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การรักษาและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
การถูกไฟฟ้าช้อตเพียงเล็กน้อยจากเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในครัวเรือนอาจจะไม่ต้องรักษาโดยการใช้ยา แต่อย่างไรก็ตามก็ควรจะไปพบแพทย์หากเคยถูกไฟฟ้าช็อต
ในคนที่ถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตควรรีบโทรหา 191 ทันที่
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับอันตรายที่รุนแรงจากการถูกไฟฟ้าดูดว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไร ดังนี้ :
- ไม่ควรสัมผัสกับผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตเพราะอาจเป็นแหล่งของกระแสไฟฟ้าได้
- โทรเรียก 191 หรือผู้ที่สามารถโทรหา 191 ได้
- หากสถานการณ์ปลอดภัยให้ปิดสวิตซ์แหล่งของกระแสไฟฟ้า ถ้าหากไม่ปลอดภัยให้ใช้วัตถุที่ไม่สามารถนำกระแสไฟฟ้าได้ เช่น วัถถุที่ทำจากไม้, การดาษแข็ง, พลาสติก เพื่อนำแหล่งของกระแสไฟฟ้าออกไป
- หากผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตอยู่ห่างจากแหล่งของกระแสไฟฟ้าแล้ว ให้ตรวจสอบชีพจร และดูการหายใจของผู้ป่วย หากผู้ป่วยหายใจแผ่วให้รีบทำการกู้ชีพเบื้องต้น (CPR) ทันที
- หากผู้ป่วยมีอาการหน้ามืดจะเป็นลมหรือมีภาวะซีดให้ยกขาขึ้น โดยให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับของร่างกาย
- ไม่ควรสัมผัสกับบาดแผลที่ถูกเผาไหม้หรือนำเสื้อผ้าที่ไหม้ออกจากร่างกาย
ในการทำ CPR ควรปฎิบัติดังนี้ :
- วางข้อมือลงบริเวณตรงกลางของหน้าอก จากนั้นวางมืออีกข้างลงทับไปด้านบน ใช้นำหนักของร่างกายกดลงไปอย่างแรงและเร็ว โดยกดให้ลึกประมาณ 2 นิ้ว เป้าหมายคือการกด 100 ครั้งต่อ 60 วินาที
- ช่วยเหลือการหายใจของผู้ป่วย ให้ทำดังนี้ ต้องมั่นใจว่าในปากของผู้ป่วยไม่มีสิ่งอื่นใด ดันศีรษะไปทางด้านหลัง ดันคางขึ้นมา บีบจมูกให้ปิดสนิท จากนั้นเป่าอากาศเข้าทางปากของผู้ป่วยโดยให้หน้าอกยกขึ้น ทำการช่วยเหลือโดยการเป่าปาก 2 ครั้ง จากนั้นให้ทำการกดหน้าอกต่อไป
- ทำตามขั้นตอนจนกว่ารถกู้ชีพจะมาถึงหรือจนกว่าผู้ป่วยกลับมาหายใจเองได้
สรุป
การถูกไฟฟ้าช็อตเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ไม่อาจมองเห็นได้เสมอไป ขึ้นกับขนาดของกระแสไฟฟ้าว่ามีขนาดสูงเพียงใด อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่รอดชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อตควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
หากคิดว่ามีผู้ที่ได้รับอันตรายที่รุนแรงจากการถูกไฟฟ้าช็อตควรโทร 191
แม้ว่าจะถูกไฟฟ้าช็อตเพียงเล็กน้อยก็ควรที่จะไปพบแพทย์
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.webmd.com/first-aid/electric-shock
- https://www.healthline.com/health/electric-shock
- https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-electrical-shock/basics/art-20056695
- https://medlineplus.gov/ency/article/000053.htm
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก