อาการเจ็บตา (Eye Pain) : อาการ สาเหตุ การรักษา

อาการเจ็บตา (Eye Pain) : อาการ สาเหตุ การรักษา

03.11
2905
0

อาการเจ็บตาเป็นอย่างไร

อาการเจ็บตา คือ บ่งบอกได้ด้วยคะแนนตัวแปร แต่ละคนอาจให้ความหมายความเจ็บปวดแตกต่างกัน เช่น ความรู้สึกไม่สบายในบริเวณขมับ หรือหน้าผาก ที่เกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้าหลังจากการใช้สายตามากเกินไป อาการนี้เรียกว่า อาการปวดตา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคตาใด ๆ

อาการอื่นๆ ที่ระบุว่าเป็นอาการปวดตาได้แก่

  • สูญเสียการมองเห็นบางส่วนหรือทั้งหมด
  • ไวต่อแสง
  • น้ำตาคลอ
  • เห็นภาพซ้อน
  • เห็นรัศมีรอบ ๆ
  • เห็นภาพเป็นเงาลอย
  • ไม่สามารถเคลื่อนไหวดวงตาได้ตามปกติ
  • ปวดตาเมื่อต้องเคลื่อนไหวดวงตา
  • เห็นแสงวูบวาบ
  • ปวดศีรษะอันเกี่ยวเนื่องกับการปวดตา

หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียด

Eye Pain

สาเหตุของการปวดตา

สาเหตุของการปวดตาแบ่งเป็น 2 ประเภทกว้างๆ คือ การปวดลูกตา และการปวดเบ้าตา

  • โรคตาแดง ปัญหาสายตาที่พบได้บ่อย เกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ อาจเกิดจากการแพ้สารเคมี แบคทีเรียหรือไวรัส ที่ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ (เยื่ออ่อน ๆ ที่ปกคลุมเปลือกตาและลูกตา) Pinkeye เป็นคำที่เราใช้พูดถึง โรคตาแดงที่เกิดจากไวรัส เนื่องจากเยื่อบุตาอักเสบและเปลี่ยนเป็นสีชมพู โรคตาแดงมักจะไม่มีอาการปวด อาการระคายเคือง และมีน้ำตาเป็นสัญญาณของเยื่อบุตาอักเสบ
  • กระจกตาเป็นรอยหรือเป็นแผล เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดตา กระจกตาเป็นพื้นผิวที่โปร่งใสของดวงตา และมีเส้นประสาทจำนวนมากทำให้ไวต่อความเจ็บปวด รอยถลอกเกิดจากรอยขีดข่วนที่ผิวกระจกตา เช่น การได้รับบาดเจ็บสิ่งแปลกปลอมในดวงตา หรือการใช้คอนแทคเลนส์มากเกินไป ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดเชื้อในดวงตา
  • Keratopathies เป็นความผิดปกติของกระจกตาและอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดตา
  • การมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปบริเวณกระจกตาหรือในเยื่อบุตา ทำให้เกิดอาการปวดตาคล้ายกับการถลอกที่กระจกตา
  • แผลไหม้จากสารเคมี และไฟแฟลช สามารถเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดตา แผลไหม้จากสารเคมี เกิดจากดวงตาสัมผัสกับสารที่เป็นกรดหรือด่าง เช่น น้ำยาทำความสะอาดบ้าน หรือสารซักฟอก การได้รับแฟลชที่จ้าเกินไป เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดแสงที่รุนแรง และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตาที่ไม่เหมาะสม หรือไม่มีอุปกรณ์ป้องกันดวงตาขณะทำการเชื่อมอาร์ก หรือสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต หรือแม้แต่วันที่แดดจ้ามากๆ ก็ทำให้เกิดอาการได้
  • Blepharitis เป็นภาวะที่ทำให้ตาเกิดความระคายเคือง จากต่อมน้ำมันที่ขอบเปลือกตาอักเสบ
  • ตากุ้งยิง หรือ Chalazion สามารถทำให้ปวดตาได้จากการระคายเคือง โดยจะมีก้อนอยู่ภายในเปลือกตาอาจจะมองเห็นได้หรือไม่เห็นได้ ก้อนนี้คือต่อมน้ำมันที่ถูกปิดกั้นภายในเปลือกตา ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ถ้าไปสัมผัสจะสร้างความเจ็บปวดได้ และสามารถเกิดได้กับทุกคน
  • ต้อหินเฉียบพลัน สามารถทำให้เกิดอาการปวดตาอย่างรุนแรง โดยปกติแล้วโรคต้อนั้นมีหลากหลาย และไม่สร้างความเจ็บปวด เมื่อความดันในลูกตาสูงขึ้น เป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดต้อหิน โดยสามารถนำไปสู่ความบกพร่องในการมองเห็น และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ตาบอดได้ โดยความดันในลูกตาสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการอุดตันของท่อน้ำตา โดยโรคต้อหินมักเกิดในผู้สูงอายุ
  • ม่านตาอักเสบ คือ ส่วนของม่านตานั้น มีอาการปวดอย่างรุนแรง เนื่องมาจากการอักเสบ ซึ่งส่งผลให้มองเห็นไม่ชัด และความไวต่อแสง
  • Scleritis เป็นอาการปวดตาอย่างรุนแรงที่พบได้ยาก และเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ

การรักษาอาการเจ็บตา

การรักษาที่ได้รับจากจักษุแพทย์ และแผนกฉุกเฉินจะแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่การให้คำแนะนำ และวิธีการปฏิบัติรักษา

  • เยื่อบุตาอักเสบ: รักษาด้วยยาหยอดตา หรือยาปฏิชีวนะโรคตาแดงจากเชื้อไวรัส (pinkeye) ก็ใช้การรักษาในลักษณะเดียวกันกับเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจาเป็นเรื่องยากที่จะบอกความแตกต่างระหว่างการติดเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส อาจจะให้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน เช่น diphenhydramine (Benadryl) หรือยาแก้แพ้ที่ไม่ทำให้กดประสาท โดยปกติจะรักษาเยื่อบุตาอักเสบตามอาการแพ้
  • อาการแสบตาจากสารเคมี และกระจกตาไหม้ โดยได้รับการรักษาทันทีด้วยยาหยอดตา และน้ำปริมาณมาก เพื่อล้างตาจนกว่ากรดหรือด่างในตาจะอยู่ในระดับปกติ ระดับกรดหรือด่างจะถูกตรวจสอบด้วยกระดาษพิเศษที่เรียกว่า กระดาษ pH หลังจากล้าง และ pH เป็นปกติแล้ว จักษุแพทย์จะประเมิน เพื่อการรักษาต่อไปทั้งนี้ขึ้นกับความร้ายแรงของการไหม้ของสารเคมี ในขณะที่แผลจากไฟแฟลชจะได้รับการรักษาเหมือนกับแผลรอยถลอกเล็กน้อย คือ ด้วยยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวด และต้องได้รับการติดตามอาการกับจักษุแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • Blepharitis แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาโดยให้ผู้ป่วยขัดขอบเปลือกตาด้วยแชมพูอ่อน ๆ เช่น แชมพูเด็ก โดยใช้ผ้านุ่ม ๆ วันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกิน
  • ตากุ้งยิง หรือ Chalazion สามารถรักษาได้เบื้องต้นโดยการประคบอุ่น เช่น ผ้าขนหนูที่อุ่นด้วยน้ำร้อนประคบบนตาที่ปิดสนิท นาน 15 – 20 นาที วันละ 4 ครั้ง สามารถทาครีมปฏิชีวนะได้ กรณีที่เป็นตากุ้งยิง  เพื่อให้การติดเชื้อหมดไปโดยสิ้นเชิง หาก Chalazion ไม่หายไปภายใน 4 สัปดาห์อาจต้องผ่าตัดออกโดยการผ่าแผลเปิดที่ด้านในของเปลือกตา
  • โรคต้อหินเฉียบพลัน มีวิธีการรักษามากมายขึ้นอยู่กับประเภทความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรค โรคต้อหินชนิดรุนแรงนั้นเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ เพราะมีการทำลายดวงตาอย่างถาวรภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยทั่วไปการรักษาระยะเริ่มต้นจะใช้ยาหยอดตาที่มี beta-blocker เฉพาะที่ (เช่น ทิโมลอล [Timoptic]) ยาหยอดตาสเตียรอยด์เฉพาะที่ และยาหยอดตาที่ทำให้รูม่านตาหดตัว อาจได้รับยาอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งชนิดรับประทาน และชนิดที่ให้ผ่านหลอดเลือดดำ หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นก็จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด
  • Iritis สามารถรักษาได้ด้วยยาหยอดตาที่ทำให้รูม่านตาขยาย (ใหญ่ขึ้น) และยาหยอดตาสเตียรอยด์เฉพาะที่ ถ้าหากม่านตาอักเสบรุนแรงก็จะใช้สเตียรอยด์ ชนิดรับประทาน หรือยาต้านการอักเสบตัวอื่นๆ
  • โรคประสาทอักเสบทางตา เริ่มจากการสูญเสียการมองเห็นทีละน้อย และเจ็บปวดตาเมื่อเคลื่อนไหวดวงตา อาการนี้สอดคล้องกับการวินิจฉัยโรคประสาทอักเสบทางตา จำเป็นต้องรับการวินิจฉัยและรักษา โดยดำเนินการร่วมกับทั้งจักษุแพทย์ และนักประสาทวิทยา เพื่อหาสาเหตุของโรคประสาทอักเสบทางตา
  • ไซนัสอักเสบ การติดเชื้อแบคทีเรียทำให้ไซนัสอักเสบได้ โดยสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
  • ไมเกรน เมื่ออาการปวดหัวไมเกรน ทำให้เกิดอาการปวดตา โดยสามารถรักษาได้ด้วยยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น Ibuprofen (Motrin) และ Acetaminophen (Tylenol) และยาใบสั่งแพทย์อื่นๆ
  • เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ  จะได้รับการรักษาโดยจักษุแพทย์ และถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ ต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างเร่งด่วน

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *