ไฟเบอร์ คือ
ไฟเบอร์คือคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ แม้ว่าคาร์โบไฮเดรตส่วนมากจะถูกย่อยสลายเป็นโมเลกุลของน้ำตาล แต่เส้นใยกลับไม่สามารถย่อยสลายเป็นโมเลกุลของน้ำตาลได้ แต่จะผ่านเข้าไปในร่างกายทั้ง ๆ ที่ไม่ถูกย่อย ไฟเบอร์จึงช่วยควบคุมการใช้น้ำตาลของร่างกาย ช่วยควบคุมความหิว และน้ำตาลในเลือด
เด็กและผู้ใหญ่ต้องการไฟเบอร์อย่างน้อย 20 ถึง 30 กรัมต่อวันเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี แต่คนส่วนมากมักรับประทานได้เพียง 15 กรัมต่อวันเท่านั้น แหล่งอาหารที่มีกากใยสูงคือผักและผลไม้ ธัญพืชทั้งเมล็ด และถั่ว
ประเภทของไฟเบอร์
ไฟเบอร์มีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ:
- ใยอาหารละลายน้ํา เมื่อละลายในน้ำ ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลกลูโคส และช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ อาหารที่มีเส้นใยอาหารประเภทละลายน้ำได้ ได้แก่ ข้าวโอ๊ต ถั่วต้น ถั่วบีน ถั่วเลนทิล แอปเปิ้ล และบลูเบอร์รี่
- ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะไม่ละลายในน้ำจึงช่วยให้อาหารสามารถเคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหารได้สะดวก การไหลของอาหารจะสม่ำเสมอ และสามารถป้องกันอาการท้องผูกได้ อาหารที่มีเส้นใยไม่ละลายน้ำ ได้แก่ ข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีต คูสคูสแบบโฮลเกรน ข้าวกล้อง พืชตระกูลถั่ว แครอท แตงกวา และมะเขือเทศ
อาหารที่มีไฟเบอร์สูงและดีที่สุด คือธัญพืชแบบเต็มเมล็ด ผลไม้ และผักสด พืชตระกูลถั่ว และถั่วต้น
เคล็ดลับในการเพิ่มไฟเบอร์
- รับประทานผลไม้ทั้งผลแทนการดื่มน้ำผลไม้
- งดรับประทานข้าวขาว ขนมปัง และพาสต้าทั่วไป แล้วเปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง และผลิตภัณฑ์จากธัญพืชเต็มเมล็ด
- เลือกซีเรียลที่ทำจากธัญพืชทั้งเมล็ด เป็นส่วนประกอบแรกในอาหารเช้า
- กินผักสดแทนมันฝรั่งทอด แครกเกอร์ หรือช็อกโกแลตแท่ง
- รับประทานถั่วหรือพืชตระกูลถั่วแทนเนื้อสัตว์ 2 – 9 ครั้งต่อสัปดาห์ ในน้ำพริก และซุป
ไฟเบอร์กับโรคภัยไข้เจ็บ
กากใยอาหารช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคกระเปาะที่ลำไส้ใหญ่ และอาการท้องผูก แม้จะมีประโยชน์เหล่านี้ แต่ไฟเบอร์อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เล็กน้อย
โรคหัวใจ
การบริโภคใยอาหารในปริมาณมาก ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ ผลงานวิจัยด้านสุขภาพในผู้ชายกว่า 40,000 คน พบว่าการบริโภคใยอาหารทั้งหมดในปริมาณมาก ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ถึง 40% และผลงานวิจัยในผู้หญิงก็ให้ผลที่คล้ายคลึงกัน
การบริโภคใยอาหารที่สูงขึ้นยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเมตาบอลิซึมได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคเบาหวานด้วย รวมถึงการลดระดับความดันโลหิต ระดับอินซูลิน และน้ำหนักเกินได้ (โดยเฉพาะไขมันสะสมที่หน้าท้อง) ไตรกลีเซอไรด์ในระดับสูง และระดับ HDL (ดี) รวมทั้งคอเลสเตอรอลต่ำได้ การศึกษาหลายงานจึงแนะนำว่าการบริโภคใยอาหารในปริมาณมาก ๆ อาจให้ประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจได้
เบาหวานประเภทที่ 2
อาหารที่มีเส้นใยต่ำในปริมาณมาก สามารถทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ โดยพบว่าอาหารประเภทนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 มากขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับอาหารที่มีเส้นใยสูง ทั้งธัญพืช และอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (21-23) อาหารที่มีเส้นใยสูงจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 ได้
โรคกระเปาะที่ลำไส้ใหญ่
โรคกระเปาะที่ลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในความผิดปกติที่สัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้นของลำไส้ใหญ่ แต่การกินเส้นใยอาหาร โดยเฉพาะเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ จะช่วยลดความเสี่ยงได้ประมาณ 40%
อาการท้องผูก
อาการท้องผูกเป็นปัญหาทางเดินอาหารที่พบบ่อยที่สุดใน และการบริโภคอาหารที่มีเส้นใยจะช่วยบรรเทา และป้องกันอาการท้องผูกได้
ไฟเบอร์ในรำข้าวสาลีและรำข้าวโอ๊ต ถือเป็นไฟเบอร์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟเบอร์จากผักและผลไม้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ให้ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรเปลี่ยนแบบกะทันหัน และเนื่องจากไฟเบอร์จะดูดซับน้ำ การดื่มน้ำจึงต้องเพิ่มตามปริมาณไฟเบอร์ด้วย
มะเร็งลำไส้ใหญ่
ไฟเบอร์สัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยกากใยอาหารจะลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือก้อนเนื้อ (อาการเริ่มต้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่)
โรคมะเร็งเต้านม
การบริโภคใยอาหารสูงจะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ โดยการบริโภคที่มีใยอาหารในช่วงวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ตอนต้นจะมีความสำคัญเป็นพิเศษ
ผู้หญิงที่กินอาหารที่มีเส้นใยสูงตั้งแต่วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว ทั้งผักและผลไม้ จะมีความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมต่ำกว่าผู้ที่กินใยอาหารน้อยกว่า
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก