โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) คือ โรคเบาหวานชนิดชั่วคราวที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อร่างกายหยุดผลิตอินซูลิน และเมื่อร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างเหมาะสม ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่สูงขึ้นในขณะตั้งครรภ์ จะทำให้เกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งคุณแม่ และทารกในครรภ์ โดยความเสี่ยงที่จะเกิดได้แก่
- น้ำหนักแรกเกิดของทารกมากกว่าเกณฑ์ปกติ
- ทารกคลอดก่อนกำหนด
- ระดับน้ำตาลในเลือดของทารกแรกเกิดต่ำ
- คุณแม่มีความดันเลือดต่ำระหว่างตั้งครรภ์
- มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษระหว่างตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์สามารถหายได้เองหลังคลอด แพทย์จะตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากคลอดแล้วตรวจอีกครั้งภายใน 6 สัปดาห์หลังจากคลอด
อาการของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์อาจไม่มีสัญญาณหรืออาการที่ชัดเจน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างคล้ายคลึงกับอาการที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
โดยอาการที่เป็นไปได้ มีดังนี้
- อ่อนเพลีย
- มองเห็นภาพซ้อน
- กระหายน้ำมาก
- คลื่นไส้
- เกิดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่องคลอด หรือ ผิวหนังบ่อยๆ
- ปัสสาวะบ่อย
- มีน้ำตาลในปัสสาวะ
หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ในระหว่างการตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือเป็นโรคอื่น ๆ
ผลกระทบระยะยาวของเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
การออกกำลังกายสามารถช่วยรักษาน้ำหนักหลังตั้งครรภ์ได้ ผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในอนาคต
นอกจากนี้ทารกยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากมีน้ำหนักเกิน และมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เมื่ออายุมากขึ้น
ผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรพยายามคุมน้ำหนักให้เหมาะสมหลังจากตั้งครรภ์ การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การออกกำลังกายเป็นประจำ และการปรึกษากับนักโภชนาการสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
นอกจากนี้ควรให้แพทย์ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แพทย์จะทำการทดสอบความทนทานต่อกลูโคส เพื่อติดตามผลโดยจะทดสอบระหว่าง 70-180 วันหลังคลอด แพทย์จะให้ดื่มสารละลายกลูโคส 75 กรัม แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง
การวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
แพทย์วินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ในระหว่างการตรวจสุขภาพตามปกติ โดยปกติแพทย์จะสอบถามอาการ และขอตัวอย่างปัสสาวะ หากมีน้ำตาลในปัสสาวะสูง แพทย์จะทำการตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะได้รับการตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ระหว่าง 24-28 สัปดาห์ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์อาจจะต้องตรวจบ่อยขึ้น
การคัดกรองด้วยการดื่มสารละลายกลูโคส
การทดสอบด้วยการดื่มสารละลายกลูโคส และทดสอบระดับน้ำตาลหลังจากนั้น หากผลการตรวจพบว่า มีน้ำตาลสูงกว่าปกติจะต้องได้รับการตรวจติดตาม เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือไม่
สตรีตั้งครรภ์จะต้องอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนดื่มสารละลายกลูโคสแล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดซ้ำ 2-3 ครั้งใน 3 ชั่วโมงถัดไป หากพบว่าค่าน้ำตาลสูงจากการทดสอบ 2 ใน3 ครั้ง แพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ความชุกของเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
หากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 จะมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้แก่
- เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
- มีภาวะน้ำหนักเกิน
- เป็นชาวแอฟริกัน อเมริกันอเมริกัน อินเดียน อลาสก้าพื้นเมือง ฮิสแปนิก หรือชาวเกาะแปซิฟิก
- มีภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes)
- อายุมาก
- ผ่านการตั้งครรภ์หลายครั้ง
วิธีการรักษาเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
แพทย์จะเน้นการรักษาด้วยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และแนะนำวิธีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่สามารถตรวจได้เองที่บ้านให้กับผู้ที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ทราบ การตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจะช่วยให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้สำเร็จ
แพทย์จะตรวจสอบสุขภาพการเจริญของทารกในครรภ์โดยใช้อัลตราซาวด์ แพทย์อาจจะแนะนำให้คลอดก่อน 40 สัปดาห์ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อคุณแม่ และทารก นอกจากนี้แพทย์มักแนะนำให้ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การออกกำลังกายสามารถทำให้ร่างกายควบคุมความไวต่ออินซูลินได้ การรับประทานอาหารที่มีความสมดุลสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
อาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้แก่
- โปรตีนลีน
- ไขมันชนิดดี
- ธัญพืช
- ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
- ผักที่มีส่วนประกอบของแป้งน้อย
- ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ
หากพบว่าการออกกำลังกาย และการเปลี่ยนแปลงอาหารที่รับประทานไม่เพียงพอที่จะจัดการกับโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ดีพอ แพทย์จะสั่งจ่ายยา เช่น อินซูลิน เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การป้องกันเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ไม่สามารถป้องกันได้ แต่อย่างไรก็ตามมีคำแนะนำสำหรับสตรีตั้งครรภ์ที่สามารถทำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ ดังนี้
- การควบคุมน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- รับประทานอาหารที่สมดุล
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำระหว่างตั้งครรภ์
มีผลงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงที่มีค่าดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 ขึ้นไปควรปรับเปลี่ยนอาหารที่บริโภค เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้
สรุปภาพรวมเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์สังเกตได้ยาก เนื่องจากอาการหลายอย่างคล้ายคลึงกับอาการของการตั้งครรภ์ทั่วไป โดยปกติแพทย์จะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดของระหว่างการตั้งครรภ์ และสามารถวินิจฉัยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้โดยใช้ผลการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
การควบคุมน้ำหนัก การควบคุมอาหารที่รับประทาน และการออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/325177
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gestational-diabetes/symptoms-causes/syc-20355339
- https://www.nhs.uk/conditions/gestational-diabetes/
- https://www.webmd.com/diabetes/gestational-diabetes
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก