สิว (Acne) สิวที่เกิดขึ้นทั่วไปอาจอักเสบ หรือไม่อักเสบ แต่สำหรับสิวอักเสบ (Inflamed acne) นั้นรุนแรงกว่าสิวที่ไม่อักเสบ และอาจทำให้เกิดรอยแดง บวม และรู้สึกไม่สบาย ในขณะที่สิวไม่อักเสบจะเป็นสิวหัวดำ และสิวหัวขาว
สิวอักเสบเกิดขึ้นได้ลึกกว่าสิวที่ไม่อักเสบ และทำให้เกิดความเจ็บปวด และเป็นแผลเป็นถาวรได้
สิวอักเสบจะมีสิวสีแดง หรือเป็นซีสต์ลึกขนาดใหญ่ โดยสิวอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้บนทุกส่วนของผิวหนังที่มีต่อมน้ำมัน แต่ส่วนใหญ่มักปรากฏบนใบหน้า คอ หน้าอก และหลัง
สิวอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาให้ไม่เป็นเลย แต่ก็มีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และเทคนิคการดูแลด้วยตนเอง ที่สามารถช่วยป้องกันรอยแผลเป็น และความเครียดทางอารมณ์ที่สามารถทำให้เกิดสิวได้
สิวอักเสบเกิดจากอะไร
ผิวสุขภาพดีนั้นจะผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วทุกวัน เซลล์ผิวเก่าจะหลุดออกไป ในผู้ที่เป็นสิวอักเสบจะทำให้กระบวนการนี้จะเร็วขึ้น ทำให้เซลล์เก่าสะสมภายในรูขุมขน และปิดกั้นช่องเปิด จนสะสมและผสมกับน้ำมันตามธรรมชาติของผิวหนัง ทำให้เกิดของสิ่งอุดตันเหนียวข้นในรูขุมขน
สำหรับคนที่เป็นสิวไม่อักเสบ สิ่งอุดตัน (Comedone) อาจก่อให้เกิดสิวหัวดำ หรือสิวหัวขาว แต่ในคนที่เป็นสิวอักเสบ น้ำมัน และเซลล์ผิวหนังจะสร้างขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ขาดออกซิเจน กลายเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Propionibacterium Acnes
แบคทีเรีย น้ำมัน และเซลล์ผิวหนังจะทะลุผ่านผนังรูพรุนใต้ผิวหนัง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสู้กับแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดการอักเสบ โดยการอักเสบสามารถนำไปสู่รอยแดง บวม ระคายเคือง ปวด และคัน ทำให้เป็นสิวสีแดง บวม ก้อนเนื้อ หรือซีสต์
อาการของแต่ละประเภทสิวอักเสบ
สิวอักเสบนั้นมีหลายรูปแบบ และหลากหลายอาการ ดังต่อไปนี้
- เลือดคั่ง: ตุ่มสีแดงที่ไม่มีจุดสีขาวตรงกลาง และมีขนาดต่างๆ กันไป
- ตุ่มหนอง: สิ่งเหล่านี้คล้ายกับเลือดคั่ง แต่เป็นจุดหนองสีขาวหรือสีเหลือง และผิวหนังโดยรอบๆ เป็นสีแดง
- ก้อน: มีลักษณะเป็นก้อนที่บวม และเจ็บปวดเหล่านี้ลึกลงไปในผิวหนังไม่มีหนองที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
- ซีสต์: มีลักษณะเป็นก้อนเนื้องอก ซีสต์จะก่อตัวลึกเข้าไปในผิวหนัง และไม่มีจุดศูนย์กลางสีขาว แต่จะมีสีแดงกว่าสิวอักเสบแบบก้อน
นอกจากนี้ซีสต์ยังมีลักษณะนิ่ม และเจ็บปวดเมื่อสัมผัส หรืออาจจะมีแผลร่วมด้วย
สิวอักเสบบางครั้งก็ไม่สามารถแยกความแตกต่างจากสิวที่ไม่อักเสบได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่รุนแรงก โดยสิวอักเสบที่รุนแรงจะมีลักษณะดังนี้
- สิวที่แดง บวมและเจ็บปวด
- สิวที่มีจุดหนองสีขาว หรือเหลือง และมีรอยแดงรอบๆ
- สิวที่แข็ง และเจ็บบริเวณใต้ผิวหนัง
วิธีรักษาสิวอักเสบ
ผู้ที่เป็นสิวอักเสบเล็กน้อยอาจสามารถบรรเทาได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่จำหน่ายหน้าร้านขายยาโดยทั่วไป โดยมีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ หรือกรดซาลิไซลิก เป็นองค์ประกอบ
อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยยาที่ซื้อได้ทั่วไป มักจะไม่สามารถรักษาอาการสิวอักเสบที่รุนแรงได้ ผู้ที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง
แพทย์อาจรักษาสิวอักเสบด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้
- ยาปฎิชีวนะ ครีม เจล หรือโลชั่น ซึ่งสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นเหตุของสิว และบรรเทาอาการอักเสบได้
- ยาคุมกำเนิดในสตรีช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวผด
- Isotretinoin (Accutane) สำหรับสิวรุนแรง
- เลเซอร์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การระบายของเหลวจากซีสต์
- การฉีดคอร์ติโซนเ พื่อช่วยลดขนาดซีสต์ที่เจ็บปวด
รักษาสิวอักเสบด้วยตนเอง
แพทย์ผิวหนังสามารถรักษาสิวอักเสบรุนแรงได้ดีที่สุด แต่ว่าบางบุคคลจะสามารถใช้เทคนิคบางอย่างที่บ้านเพื่อช่วยได้
มีงานวิจัยที่พบว่า น้ำมันทีทรี (T Tree oil) สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสิวได้ โดยจำเป็นต้องเจือจางน้ำมันก่อนทาลงบนผิวหนัง และหยุดใช้หากมีอาการระคายเคือง เช่น รอยแดง บวม หรือคัน เป็นต้น
นอกจากนี้ น้ำแข็งยังสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวด บวม และรอยแดงที่เกิดจากสิวอักเสบได้อีกด้วย ลองห่อก้อนน้ำแข็งด้วยผ้าสะอาดแล้วนำไปใช้กับริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ครั้งละไม่เกิน 15 นาที และนำออกหากผิวหนังเย็นเกินไป หรือไม่สบายตัว
ป้องกันการเกิดสิวอักเสบ
เราสามารถป้องกันสิวอักเสบได้โดยการทำความสะอาด เพื่อให้รูขุมขนสะอาดสามารถช่วยป้องกันสิวอักเสบได้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์บางอย่างในการป้องกันการเกิดสิวอักเสบได้
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับป้องกันการเกิดสิว
- สระผมเป็นประจำ เพื่อลดปริมาณน้ำมันบนผิวหนัง
- ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วย โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนที่ขจัดน้ำมันและเครื่องสำอางใดๆ
- ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวอย่างสม่ำเสมอ ครอบคลุมทุกบริเวณที่มีความเสี่ยงจะเป็นสิวได้ง่าย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ระบุว่า ไม่ก่อให้เกิดสิว หรือความระคายเคือง
- ใช้ครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว ป้องกันแสงแดดให้ได้มากที่สุด เพราะระหว่างการรักษาสิวผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น
- อย่าบีบ หรือกดสิว เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียแพร่กระจาย
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารขัดผิวที่รุนแรง (สครับ) เนื่องจากจะทำให้ผิวระคายเคือง และอาการอักเสบแย่ลง
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก