ผดร้อน (Heat Rash)

ผดร้อน (Heat Rash)

16.11
6182
0

ผดร้อนหรอผื่นร้อน (Heat Rash) เกิดขึ้นเมื่อเหงื่อติดอยู่ และอุดตันในต่อมเหงื่อในชั้นลึกของผิวหนัง อาจเกิดการอักเสบ รอยแดง และแผลพุพองได้ บางครั้งการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้

ในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน และผู้ที่มีเหงื่อออกง่ายมักจะร้อนได้ง่าย รวมไปถึงทารก และเด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากขึ้น เนื่องจากต่อมเหงื่อของพวกเขายังพัฒนาอยู่

อาการของผื่นร้อน

อาการของผื่นร้อนได้แก่

  • ตุ่มเล็กๆ หรือจุดเล็กๆ (Papules)
  • มีอาการคัน
  • บวมเล็กน้อย
  • บนผิวมีจุดสีแดง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาการและวิธีบรรเทาความคัน

ผดร้อนมักส่งผลต่อบริเวณที่มีโอกาสเกิดเหงื่อออกมากขึ้น ได้แก่

  • ใบหน้า
  • คอ
  • ใต้หน้าอก
  • ใต้ถุงอัณฑะ
  • นรอยพับของผิวหนัง และบริเวณที่ผิวหนังเสียดสีกับเสื้อผ้า เช่น หลัง หน้าอก และท้อง

หากแบคทีเรียเข้าสู่ต่อมเหงื่อที่อุดตัน อาจทำให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อได้

การรักษาผื่นร้อน

ปกติผื่นร้อนมักจะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง และสำหรับการช่วยแก้ปัญหา ให้เข้าไปอยู่ในบริเวณที่เย็น และมีความชื้นน้อย ถ้าเป็นไปได้ ถอดเสื้อผ้า และสิ่งของอื่นๆ ที่อาจเพิ่มเหงื่อออก

เคล็ดลับอื่น ๆ ได้แก่ 

  • สวมเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อบาง และหลวม
  • เมื่อออกกำลังกาย ให้เลือกสถานที่ที่เย็น หรือเวลาที่เย็นกว่าของวัน
  • ใช้พัดลม และเครื่องปรับอากาศเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย
  • อาบน้ำเพื่อลดความร้อนของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงสารระคายเคืองที่ทำให้อาการแย่ลง เช่น ผ้าใยสังเคราะห์บางชนิด
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าเปียก เช่น หลังว่ายน้ำ
  • ใช้ประคบเย็น เช่น ผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือประคบน้ำแข็งที่ห่อด้วยผ้าขนหนู กับผื่นนานถึง 20 นาทีในแต่ละครั้ง
  • ใช้ผ้าปูที่นอนน้ำหนักเบา
  • ดื่มน้ำมาก ๆ โดยเฉพาะน้ำ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
  • หากมีผื่นคัน ให้แตะ หรือตบเบาๆ แทนการเกา
  • ใช้ยาที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป

ยาทาเฉพาะที่สำหรับผื่นร้อน

ยาทาเฉพาะที่ เช่น คาลามีน เมนทอล ครีม หรือขี้ผึ้งที่มีการบูร สามารถช่วยบรรเทาอาการคันได้ รวมทั้งคาลาไมน์

ครีมสเตียรอยด์สามารถลดอาการคัน และอักเสบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 10 ปีได้

สำหรับผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อแบคทีเรียสามารถช่วยจัดกา รหรือป้องกันการติดเชื้อได้

สาเหตุของการเกิดผื่นร้อน

ผื่นร้อนจะเกิดขึ้นเมื่อท่อต่อมเหงื่ออุดตัน

ปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดผดร้อน

  • สภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น
  • การออกกำลังกาย
  • มีไข้
  • สวมผ้าใยสังเคราะห์แนบชิดผิว
  • สวมผ้าพันแผลที่ไม่มีรูพรุน
  • นอนพักนานๆ
  • การใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาลดเหงื่อ
  • รังสีบำบัด
  • ภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น การตายของผิวหนังชั้นนอก และเป็นพิษ

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

ผื่นความร้อนมักจะหายไปโดยไม่ต้องรักษา แต่อย่างไรก็ตามควรไปพบแพทย์หากมีอาการต่อไปนี้

  • ผื่นยังคงอยู่ หรือรุนแรงขึ้น
  • มีอาการของการติดเชื้อ เช่น ตุ่มพอง หรือแผลพุพอง
  • มีอาการอ่อนเพลียจากความร้อน และเหงื่อออกไม่ได้
  • มีอาการอื่นๆ เช่น มีไข้ เป็นต้น
Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *