Hematuria หมายถึง การมีเม็ดเลือดแดงปนออกมาในน้ำปัสสาวะ มีแนวโน้มและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้มากในเพศหญิง
การพบเลือดปนออกมาในน้ำปัสสาวะมักมีสาเหตุมาจากปัญหาการบาดเจ็บหรือติดเชื้อของไต
บทความนี้เราจะพูดถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ของเลือดในปัสสาวะในเพศหญิง นอกจากนี้เรายังพูดถึงเวลาที่ควรไปพบแพทย์ การวินิจฉัยทางเลือกในการรักษา และความหมายของเลือดในปัสสาวะที่เกิดขึ้นในเด็ก
สาเหตุของการปัสสาวะเป็นเลือด
ภาวะปัสสาวะเป็นเลือดอาจเกิดขึ้นได้เมื่อส่วนหนึ่งของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งรวมถึงไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อหน่วยไตระคายเคืองหรือเกิดความเสียหาย
อย่างไรก็ตามเลือดที่พบในปัสสาวะไม่ได้มาจากทางเดินปัสสาวะเสมอไป ในเพศหญิงเลือดที่ในปัสสาวะอาจมาจากช่องคลอด ปากมดลูก หรือมดลูกอาจ ทำให้มีปัสสาวะเป็นเลือด
ประเภทของปัสสาวะเป็นเลือด ได้แก่:
-
ปัสสาวะเป็นเลือดที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า (Gross hematuria) สามารถเห็นเลือดในปัสสาวะได้ ปัสสาวะอาจเปลี่ยนเป็นสีชมพู แดง หรือน้ำตาล
-
ปัสสาวะเป็นเลือดที่ตรวจพบได้จากกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic hematuria) in ปัสสาวะมีปริมาณเลือดน้อยทำให้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งพบประมาณ 13- 20% บนฐานข้อมูลระบบทางเดินปัสสาวะ
สาเหตุที่พบเลือดในปัสสาวะในเพศหญิงอาจรวมไปถึง:
การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infections)
ผู้หญิงมีความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTIs) สูงกว่าผู้ชาย อันมีผลมาจากตำแหน่งของท่อปัสสาวะที่แตกต่างกันในแต่ละเพศ
สถาบันโรคเบาหวาน ระบบทางเดินอาหาร และสถาบันโรคไตแห่งชาติ (NIDDK) ระบุว่าผู้หญิงอย่างน้อย 40–60% จะมีภาวะ UTI ตลอดชีวิต
UTIs เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียจากลำไส้ผ่านเข้าสู่ท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นท่อที่ทำหน้าที่นำปัสสาวะออกจากร่างกาย โดย UTI สามารถเคลื่อนผ่านไปยังท่อปัสสาวะแล้วทำให้มีการติดเชื้อที่ท่อหน่วยไต ไต หรือกระเพาะปัสสาวะ
UTI ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยอย่างเร่งด่วน(กลั้นปัสสาวะไม่ได้)
อาการอื่น ๆ ของ UTI อาจรวมถึง:
-
รู้สึกเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ
-
ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น
-
มีเลือดปนในปัสสาวะ
-
มีแรงความดัน หรือปวดที่บริเวณหลังส่วนล่าง ช่องท้อง หรือบริเวณอุ้งเชิงกราน
นิ่ว (Stones)
แร่ธาตุที่มีมากเกินไปอาจจับตัวเป็นก้อนแข็ง หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและไตได้
ก้อนนิ่วอาจขีดข่วนเยื่อบุทางเดินปัสสาวะและอวัยวะที่เกี่ยวข้องให้ฉีกขาดและมีเลือดออกมาผสมกับปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดปัสสาวะเป็นเลือดแบบมองเห็นด้วยตา หรือปัสสาวะเป็นเลือดแบบต้องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
ตามรายงานของ NIDDK นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะอาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ :
-
ปัสสาวะสีชมพู แดง หรือน้ำตาล
-
ปัสสาวะบ่อย
-
ปัสสาวะไหลไม่หยุด หรือปัสสาวะเล็ด
-
เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ
-
ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น
ตามข้อมูลของมูลนิธิคุ้มครองระบบทางเดินปัสสาวะ (Urology Care Foundation) ปัจจัยต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว
-
ขาดน้ำ
-
บริโภคเกลือในปริมาณมาก
-
ภาวะทางเดินอาหาร เช่นโรค Crohn หรือลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล
-
ต่อมไทรอยด์มีปัญหา
-
มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
เลือดในปัสสาวะที่เกิดขึ้นพร้อมกับอาการปวดหลังส่วนล่างอย่างรุนแรง อาจเป็นข้อบ่งชี้ถึงภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งเป็นภาวะสุขภาพทั่วไปที่เกิดขึ้นกับสตรีวัยรุ่นและผู้ใหญ่มากกว่า 11% ในสหรัฐอเมริกา
endometriosis เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อที่คล้ายกับเยื่อบุโพรงมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตในส่วนต่างๆ ของร่างกายภายนอกมดลูก
แม้ว่า endometriosis จะส่งผลกระทบต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่หน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพสตรี (Office on Women’s Health) ระบุว่า มักเกี่ยวข้องกับประเด็นต่อไปนี้:
-
เยื่อบุด้านนอกของมดลูก
-
รังไข่
-
ท่อนำไข่
หากไม่ได้รับการรักษา endometriosis อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
มะเร็ง (Cancer)
แม้ว่าสาเหตุของปัสสาวะเป็นเลือดที่เกิดขึ้นจากมะเร็งจะพบได้น้อยกว่าการติดเชื้อและนิ่ว แต่มะเร็งในไตหรือกระเพาะปัสสาวะก็สามารถทำให้มีผลต่อการปัสสาวะได้เช่นกัน
ปัสสาวะอาจมีเลือดปนและปรากฏชัดเจนในวันถัดไป เราไม่ควรรอจนพบว่ามีเลือดปรากฏขึ้นก่อนที่จะไปพบแพทย์
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้เราปัสสาวะบ่อยขึ้นหรือน้อยลง มะเร็งไตมักไม่ส่งผลต่อพฤติกรรมการปัสสาวะของคนเรา แต่อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างได้
การรักษาปัสสาวะเป็นเลือด
การรักษาจะทำโดยมุ่งไปที่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTIs)
ในกรณีนี้ แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาภาวะเลือดออกที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย UTIA
นิ่ว (stones)
ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในไต สามารถคาดคะเนได้ว่าอาการจะดีขึ้นภายหลังจากเอานิ่วออกมาจากไตได้ หากมีก้อนนิ่วขนาดใหญ่อาจต้องใช้วิธีการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ใช้วิธีพิเศษในการทำให้นิ่วแตกเป็นก้อนเล็กๆ หรือการผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกมาเพื่อบรรเทาและรักษาอาการ
มะเร็ง (cancer)
หากแพทย์พบว่าผู้ที่มีอาการนี้ เป็นมะเร็งไต หรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แพทย์จะส่งต่อผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพในการรักษาผู้มะเร็ง
ทางเลือกในการรักษามะเร็งไต และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ได้แก่ การผ่าตัด การทำเคมีบำบัด และการฉายรังสี ซึ่งโปรแกรมการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละกรณีขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง และต้องพิจารณาว่าการรักษาจะมีผลกระทบกับอวัยวะอื่นๆ ด้วยหรือไม่
บทสรุป
แพทย์สามารถช่วยวินิจฉัยสาเหตุของอาการปัสสาวะเป็นเลือดได้ สาเหตุบางอย่างเช่น เยื่อโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) มีความจำเพาะกับเพศหญิงและเพศหญิงมีแนวโน้มที่จะพบการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ (UTIs)
การรักษาภาวะปัสสาวะเป็นเลือดสามารถทำได้โดยรักษาจากสาเหตุที่ก่อเกิดอาการนี้
การรักษา UTIs มักจะใช้วิธีการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะสามารถหลุดออกมาได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา นิ่วขนาดใหญ่อาจต้องใช้ยาเพื่อสลายหรือผ่าตัดเอาออก
ผู้ป่วยควรติดต่อแพทย์หากมีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/blood-in-urine/symptoms-causes/syc-20353432
-
https://www.kidneyfund.org/kidney-disease/kidney-problems/blood-in-urine.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก