มะเร็งกล่องเสียง (Laryngeal cancer) คือโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่พบได้น้อย เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อมีเซลล์มะเร็งเจริญเติบโตภายในกล่องเสียง ซึ่งการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอร์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งกล่องเสียง
มะเร็งกล่องเสียงคืออะไร
มะเร็งกล่องเสียงเกิดขึ้นในภายในกล่องเสียง
กล่องเสียงเป็นอวัยวะที่มีช่วงสั้นๆ มีลักษณะเป็นทางสามเหลี่ยมอยู่ด้านล่างต่อจากคอหอยภายในลำคอ มีความกว้างประมาณ 2 นิ้ว
กล่องเสียงประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักได้แก่:
-
กล่องเสียงส่วนสายเสียง (Glottis) เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของกล่องเสียง ประกอบด้วยสายเสียง
-
กล่องเสียงส่วนที่อยู่เหนือสายเสียง (Supraglottis)
-
กล่องเสียงส่วนที่อยู่ใต้สายเสียง (Subglottis) เชื่อมต่อกับหลอดลม ซึ่งจะนำอากาศเข้าสู่ปอด
มะเร็งสามารถเกิดในส่วนใดก็ได้ภายในกล่องเสียง แต่ส่วนใหญ่มักเกิดที่กล่องเสียงส่วนสายเสียง (Glottis) มะเร็งกล่องเสียงส่วนมากจะเริ่มจากเซลล์ขนาดเรียบมีขนาดคล้ายกับเซลล์ชนิดสแควมัสโดยวางตัวอยู่ภายในผนังกล่องเสียง
หากมะเร็งกล่องเสียงอยู่ในระยะลุกลาม มักจะลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงบริเวณลำคอ ซึ่งเซลล์มะเร็งสามารถแพร่กระจายไปยังด้านหลังของลิ้นและส่วนอื่นๆทั้งภายในและนอกลำคอ รวมถึงปอดและส่วนอื่นๆของร่างกาย
เมื่อเกิดมะเร็งขึ้น เนื้องอกจะก่อตัวที่บริเวณใหม่ที่ประกอบไปด้วยเซลล์ผิดปกติ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเนื้องอกบริเวณกล่องเสียง แพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียงระยะลุกลาม
อาการมะเร็งกล่องเสียง
โรคมะเร็งกล่องเสียงอาการจะสังเกตุได้ ดังนี้:
-
ไอเรื้อรัง chronic cough
-
เสียงแหบ Hoarseness
-
มีก้อนผิดปกติภายในหรือภายนอกลำคอ
-
เจ็บเวลากลืน หรือกลืนลำบาก
-
สำลักอาหารบ่อยครั้ง
-
หายใจลำบาก หรือมีเสียงดังเวลาหายใจ
-
ปวดหูบ่อยๆ หรือมักจะมีความรู้สึกภายในและรอบๆผิวหนังของหู
-
นำ้หนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
มักหายใจลำบาก
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งกล่องเสียง
การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดมะเร็งกล่องเสียง
การเสียชีวิตจากโรคมะเร็งกล่องเสียงเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่มากกว่าผู้ที่ไม่สุบ ควันบุหรี่มือสองก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งของโรคมะเร็งกล่องเสียง
การบริโภคแอลกอฮอร์ในระดับปานกลาง หรือหนักมาก เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง ทางสมาคมโรคมะเร็งในอเมริกาแนะนำว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอร์หนึ่งหรือหลายแก้วต่อวัน โดยเฉพาะหากมีการสูบบุหรี่ด้วย จะเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่จะนำไปสู่โรคมะเร็งดังกล่าวได้
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ:
- ขาดสารอาหารและวิตามิน
- ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilomavirus : HPV)
- เพศชายมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งกล่องเสียงมากกว่าในเพศหญิง
- อายุ 40 ปีขึ้นไป
- มีประวัติเป็นมะเร็งที่ศีรษะ มะเร็งลำคอมาก่อน
- สัมผัสสารเคมีจากที่ทำงาน เช่น กลิ่นสีและสารเคมีในวัสดุก่อสร้าง
- ภูมิคุ้มกันต่ำ
ปัจจัยทางพันธุกรรมอาจจะมีส่วนในการเกิดมะเร็งกล่องเสียงได้
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไขกระดูกฝ่อ (Fanconi anemia) จะมีปัญหาเกี่ยวกับเลือดตั้งแต่เด็ก และมีความผิดปกติของเล็บมือ ผิวหนัง เรียกว่า Dyskeratosis congenita ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผิวหนัง เล็บ และเลือด อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงในการพัฒนาไปเป็นโรคมะเร็งที่ศีรษะและลำคอได้
การวินิจฉัยมะเร็งกล่องเสียง
มะเร็งกล่องเสียงจะมีอาการแสดงโดยการเห็นก้อนบริเวณคอด้านนอก ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะแนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจวินิจฉัย
หากในบางรายมีก้อนที่กล่องเสียง ศีรษะ และลำคอ แพทย์อาจใช้การส่องกล้องตรวจในลำคอ เพื่อช่วยการวินิจฉัย โดยการส่องกล้องจะใช้กล้องขนาดเล็กมีไฟส่องที่ส่วนปลาย แพทย์จะสามารถเห็นภาพภายในช่องปากไปจนถึงลำคอ
การส่องกล้องจากจมูกด้วยใยแก้วนำแสง จะมีขนาดเล็กมาก กล้องจะปรับไปตามสรีระภายในช่องจมูกตามที่แพทย์ใส่ลงไป มันจะมำให้แพทย์เห็นภายในหลอดลมและกล่องเสียง หัตถการดังกล่าวจะทำในคลินิกและมีการใช้ยาชาเฉพาะที่
แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจ CT scan ที่ศีรษะหรือลำคอ, หรือการตรวจ MRI เพื่อให้เห็นภาพ หรือขนาดของก้อนเนื้องอกได้ โดยวิธีนี้จะช่วยให้แพทย์ประเมินว่ามะเร็งได้แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในลำคอแล้วหรือไม่
ซึ่งหากเนื้องอกมีขนาดเล็กและจำกัดเพียงจุดเดียว ศัลยแพทย์อาจจะตัดก้อนเนื้องอกออกมาและส่งชิ้นเนื้อตรวจทางพยาธิวิทยาต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ หรือนักเทคนิกจะทำการวิเคราะห์ทางพยาธิวิทยาของก้อนเนื้องอกหรือเนื้อเยื่อดังกล่าวที่มีความผิดปกติเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคมะเร็ง
หากผลทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียง แพทย์จะส่งการตรวจเพิ่มเติม ถ้ามีการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
การวินิจฉัยล่วงหน้าจะสามารถช่วยรับรองความสำเร็จของการรักษามะเร็งกล่องเสียได้ ข้อมูลพื้นฐานในปีค.ศ.2008-2014 จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ แสดงอัตราการรอดชีวิตใน 5 ปีที่ผ่านมาพบว่ามะเร็งดัวกล่าวมีอัตราการรอดชีวิตต่ำกว่าร้อยละ 61
การรักษาโรคมะเร็งกล่องเสียง
การรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง
การรักษาโดยทั่วไปสำหรับมะเร็งกล่องเสียงในระยะเริ่มแรก มักเป็นการผ่าตัดกล่องเสียง หรือการฉายแสงรังษีรักษา
ในระยะท้ายของโรคมะเร็ง บางรายอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยรังสีรักษาร่วมกับเคมีบำบัด หรือการผ่าตัดภายหลังได้รับรังสีรักษาแล้ว
การผ่าตัด
การผ่าตัดจะตัดเอาก้อนมะเร็งและเนื้อเยื่อใกล้เคียง โดยศัลยแพทย์จะทำการผ่าเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอที่เป็นมะเร็งออกด้วย
การผ่าตัดมะเร็งกล่องเสียงโดยการส่องกล้อง มีทั้งการผ่าตัดเอากล่องเสียงออกเพียงบางส่วน และตัดเอากล่องเสียงออกทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัดที่ได้รับ บางรายอาจจำเป็นต้องมีการผ่าตัดเปิดหลอดลมแบบชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งจะเป็นรูเปิดออกบริเวณลำคอ เป็นการส่งเสริมการรักษาหลังการผ่าตัด
บางคนจำเป็นต้องมีรูเปิดที่หลอดลมเพื่อใช้ในการหายใจ โดยจะต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยในการออกเสียง
การฉายแสงบำบัด
รักษาด้วยการฉายเเสงสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งและลดขนาดของเนื้องอกได้ เป็นการฉายรังสีด้วยลำแสงจากภายนอก โดยแพทย์จะฉายลำแสงของรังสีไปยังก้อนเนื้องอกโดยตรงภายในลำคอ
การฉายแสงใช้แสงที่มีพลังงานมาก ดังนั้นจึงสามารถเผาผิวหนังรวมถึงบริเวณที่มีเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก
เคมีบำบัด
เคมีบำบัดใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรังสีรักษา
ทีมแพทย์ที่ทำการรักษาอาจจะให้เคมีบำบัดเพื่อลดขนาดของก้อนเนื้องอกก่อนทำการผ่าตัด ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการผ่าตัดและแผลผ่าตัดออกมาสวยงาม
แพทย์จะให้ยาทั้งแบบรับประทานและแบบฉีด ยาเคมีบำบัดจะเข้าสู่กระแสเลือดและกระจาบไปทั่วร่างกาย ฆ่าเซลล์ที่เจริญไวกว่าปกติ ซึ่งจะเหมารวมทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ที่ดี
เคมีบำบัดสามารถนำไปสู่ผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น คลื่นไส้ น้ำหนักลด และผมร่วง
การป้องกัน
การป้องกันโรคมะเร็งกล่องเสียงที่ดีที่สุดคือการเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอร์ในปริมาณมาก ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่การเกิดโรค
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.cancer.gov/types/head-and-neck/patient/adult/laryngeal-treatment-pdq
-
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/16611-laryngeal-cancer
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก