โรคหลงตัวเอง (Narcissistic personality disorder) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคหลงตัวเอง (Narcissistic personality disorder) : อาการ สาเหตุ การรักษา

03.02
2992
0

โรคหลงตัวเอง (Narcissistic personality disorder)  คือ ภาวะทางจิตที่มีผลต่อความรู้สึก ความคิด และการกระทำ ความทะนงตัวสูง และแสดงออกถึงความมั่นใจที่เกินจริง

คนที่เป็นโรคหลงตัวเอง (NPD) อาจมีอารมณ์รุนแรงผันผวน และกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับชื่อเสียง อำนาจ และความเหมาะสมของตน

ในสายตาของคนอื่น พวกเขาอาจเป็นที่มีลักษณะ ดังนี้ :

  • เห็นแก่ตัว

  • เรียกร้องความสนใจ

  •  มีปัญหาในการเอาใจใส่ในความต้องการของผู้อื่น หรือไม่สนความรู้สึกของผู้อื่น

แต่ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดจากความต้องการปกปิดความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยอยู่ลึกๆ ของตนเอาไว้

โรคหลงตัวเองคืออะไร

โรคหลงตัวเองเป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (Borderline Personality Disorder) ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการของความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ที่จัดอยู่ในประเภท Cluster B  ผู้ที่มีความผิดปกติเหล่านี้พบว่า มักไม่สามารถควบคุมอารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง

ผู้ที่เป็นโรคหลงตัวเอง อาจมีภาพลักษณ์ของตัวเองในอุดมคติ และความรู้สึกเหนือกว่าที่ไม่สมจริง (ประเมินค่าตัวเองสูงเกินความเป็นจริง) ลักษณะเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงการขาดความมั่นใจในตนเอง โดยที่บุคคลนั้นอาจไม่รู้ตัว

ลักษณะสำคัญของผู้ที่เป็นโรคหลงตัวเอง:

  • ต้องการความชื่นชม

  • ยึดตัวเองเป็นสำคัญ

  • ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

การวิจัยระบุว่า ผู้ชาย 7.7 % และผู้หญิง 4.7 %  มีอาการหลงตัวเอง

อาการของโรคหลงตัวเอง

คนหลงตัวเอง จะเห็นตัวเองแตกต่างจากที่คนอื่นเห็นอย่างมาก

ลักษณะของผู้ป่วย ที่ผู้อื่นอาจสังเกตเห็นได้ มีดังนี้:

  • ความสนใจ และความชื่นชมตนเอง

  • มีความนับถือตนเองต่ำ และจะรู้สึกผิดหวังเมื่อไม่ได้รับความชื่นชม

  • ใกล้ชิดกับผู้อื่นเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานะร่ำรวยหรือบุคคลสำคัญ

  • ประเมินความสำเร็จ และความสามารถของตนเองสูงเกินไป

  • ประเมินความสำเร็จของผู้อื่นต่ำเกินไป

  • หมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จ อำนาจ ความฉลาด ความงาม หรือความรักในอุดมคติ

  • เชื่อมั่นในความเป็นเอกลักษณ์(เชื่อว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ)และมีเพียงคนพิเศษเทียบเท่าตนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้

  • มีความรู้สึกว่ามีอภิสิทธิต่างๆ เช่น ได้รับการรักษาที่ดี เป็นต้น

  • การใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง

  • ไม่สามารถเข้าใจความต้องการของผู้อื่น หรือไม่เต็มใจที่รับรู้ความรู้สึกของคนอื่น

  • รู้สึกอิจฉาและเชื่อว่าคนอื่นอิจฉาตน

  • ประพฤติตัวในลักษณะที่ดูหยิ่งผยองหรือหยิ่งผยองต่อผู้อื่น

  • แสดงกิริยาที่ดี แต่จะหงุดหงิดหรือโกรธอย่างรวดเร็ว(อารมณ์แปรปรวน ขาดความมั่นคงทางอารมณ์)

  • พูดเรื่องเกี่ยวกับตนเองเป็นเวลานาน แต่ขาดความสนใจในเรื่องของผู้อื่น

  • แสดงความก้าวร้าวเมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามต่อความเป็นตัวตนของพวกเขา

ลักษณะอื่นๆ  ที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับการหลงตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เช่น:

  • ความรู้สึกอับอาย ไม่สามารถทนคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ และรู้สึกอ้างว้างเมื่อผิดหวัง

  • ไม่เต็มใจที่จะลองทำอะไรบางอย่างเพราะกลัวความพ่ายแพ้

  • มีปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์ (ความสัมพันธ์กับผู้อื่นดูแย่ไปหมด)

  • ความรู้สึกแปลกแยกทางอารมณ์ ตัดการเชื่อมต่อจากผู้อื่น(คบใครได้ไม่นาน)

  • มีความมั่นใจสูงมากเกินไปเมื่อทำงานความสำเร็จ แต่ประสิทธิ์ภาพนั้นจะหยุดชะงักเมื่อได้รับความติดเตียน(วิพากษ์วิจารณ์)

  • หวาดระแวง

  • ปลีกตัวออกจากสังคม

  • มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ (ควบคุมอารมณ์ได้ยาก)

ความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า และอาการเบื่ออาหาร สามารถเกิดร่วมกับโรคหลงตัวเองได้

การวินิจฉัยโรคหลงตัวเอง

การประเมินทางจิตเวชสามารถช่วยได้ แต่การวินิจฉัยโรคหลงตัวเองโดยเฉพาะอาจเป็นได้รับการคัดค้าน

ประการแรก ความผิดปกติทางบุคลิกภาพหลายประเภทมักจะมีลักษณะทับซ้อนกัน นอกจากนี้บุคคลอาจมีโรคหลงตัวเองร่วมกับอาการป่วยอื่นได้ด้วย

นอกจากนี้บุคคลที่มีภาวะหลงตัวเอง อาจไม่ยอมรับว่าปัญหาในชีวิตเกิดจากพฤติกรรมของตนเองแต่จะกล่าวโทษผู้อื่นแทน

ผู้ที่มีอาการนี้อาจมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์ หรือการดูถูกเหยียดหยัน ทำให้คนอื่นว่ากล่าวตักเตือนกับเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขาได้ยาก และจะเป็นอันตรายได้

ในการวินิจฉัยโรคหลงตัวเอง แพทย์จำเป็นใช้หลักเกณฑ์จากคู่มือการวินิจฉัย และสถิติของความผิดปกติทางจิตฉบับที่ 5  อย่างน้อย 5 ข้อ ดังนี้

ความรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญเหนือคนอื่น

ความหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการถึงความสำเร็จ อำนาจ ความฉลาด ความงาม หรือความรักในอุดมคติที่ไร้ขีดจำกัด

ความเชื่อที่ว่าพวกเขาไม่เหมือนใคร (พิเศษเหนือผู้อื่น) และเฉพาะบุคคลที่มีสถานะ หรือสถาบันที่พิเศษเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจพวกเขาได้

ต้องการให้คนชื่นชมตลอดเวลา (มากเกินไป)

ความรู้สึกถึงสิทธิและความคาดหวังในการได้รับการปฏิบัติที่ดี หรือการปฏิบัติตามความคาดหวังโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่สมเหตุผล

มีแนวโน้มที่จะเอาเปรียบผู้อื่นเพื่อบรรลุผลประโยชน์ของตนเอง

ขาดความเห็นอกเห็นใจ และไม่เต็มใจที่จะรับรู้ หรือคำนึงถึงความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น

อิจฉาคนอื่นและเชื่อว่าคนอื่นอิจฉาตนเอง

มีพฤติกรรมหรือทัศนคติ อวดดี หยิ่งยะโส

Narcissistic personality disorder

 

การรักษาโรคหลงตัวเอง

โรคหลงตัวเองยังไม่มีวิธีรักษา แต่การบำบัดรักษาสามารถช่วยให้บุคคลเอาชนะปัญหาพื้นฐานและเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างได้

บางครั้งอาจใช้ยาช่วยในการรักษาโรคหลงตัวเองได้หากภาวะหลงตัวเองนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากโรคอื่น เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล

การรักษาหลักๆ คือ จิตบำบัด การบำบัดหรือพัฒนาสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยได้

  • เข้าใจว่าอะไรเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดพฤติกรรมนี้ของพวกเขา

  • ควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น

  • เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

  • เรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้อื่น

  • สร้างความนับถือตัวเอง

  • ปรับความคาดหวังของพวกเขาทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

  • เข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่อผู้อื่น

การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy ; CBT) ครอบครัวบำบัด หรือกลุ่มบำบัด ที่เป็นจิตบำบัดประเภทหนึ่งที่อาจช่วยได้

การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม(CBT) มีจุดประสงค์เพื่อแยกแยะความเชื่อและพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพและเป็นอันตรายออก แล้วแทนที่ด้วยความเชื่อที่ดีต่อสุขภาพและพฤติกรรมที่เป็นบวก

สาเหตุของโรคหลงตัวเอง

แม้ว่าสาเหตุของความผิดปกติทางบุคลิกภาพยังไม่ชัดเจน แต่อาจมีความเกี่ยวเนื่องกับปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม

ในช่วงวัยเด็ก  สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลงตัวเองได้

  • การยกย่องมากเกินไป หรือการดูแลที่มากเกินไป

  • ความคาดหวังที่สูงเกินไป

  • ขาดการได้รับเอาใจใส่

  • ได้รับกระทบกระเทือนทางจิตใจ

  • การถูกล่วงละเมิด

  • ถูกทอดทิ้ง

ความเครียดอาจทำให้ความผิดปกติทางบุคลิกภาพมีอาการรุนแรงขึ้น

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่อาจพบในผู้เป็นโรคหลงตัวเองหลายคน ได้แก่

  • การใช้ยา หรือแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด

  • โรคซึมเศร้า

  • โรคตื่นตระหนก

  • โรคกลัวสังคม

  • โรควิตกกังวลทั่วไป

  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่นๆ

  • โรคกลัวอ้วน

ผู้เป็นโรคหลงตัวเองบางคนอาจมีความเสี่ยงสูงต่อสิ่งเหล่านี้:

  • มีปัญหาทางความสัมพันธ์

  • มีความยากลำบากในที่ทำงาน หรือที่โรงเรียน

  • มีความคิด หรือพฤติกรรมที่จะฆ่าตัวตาย

นอกจากนี้ยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยบางเรื่องพบว่า ผู้ชายที่มีภาวะหลงตัวเองจะมีระดับฮอร์โมนความเครียด(คอร์ติซอล)ในเลือดสูงกว่าคนปกติ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาไปสู่การเกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และหลอดเลือดมากขึ้น

การอยู่ร่วมกับผู้เป็นโรคหลงตัวเอง

โรคหลงตัวเองนั้นเป็นเรื่องท้าทายสำหรับแต่ละคนและคนที่พวกเขารัก แต่การรักษาและการประคับประคองจะสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้องได้

สำหรับคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้ที่มีภาวะหลงตัวเอง เคล็ดลับต่อไปนี้อาจช่วยได้

  • รักษาการสนับสนุนของเครือข่าย รวมถึงสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ

  • บำเพ็ญประโยชน์อย่างอิสระผ่านการทำงาน อาสาสมัคร หรืองานอดิเรก

  • ใช้กลยุทธ์การแก้ไขความขัดแย้งที่ดีต่อสุขภาพ

  • พยายามสงบสติอารมณ์เมื่อพูดถึงว่าพฤติกรรมของบุคคลคนนั้นมีผลต่อคุณอย่างไร

  • ติดต่อกลุ่มสนับสนุน เช่น Surviving Narcissism

หากคุณมีปัญหาเหล่านี้สามารถเข้าพบนักจิตวิทยาเพื่อรับการบำบัดรักษาได้

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *