โรคหลงตัวเอง (Narcissistic personality disorder) คือ ภาวะทางจิตที่มีผลต่อความรู้สึก ความคิด และการกระทำ ความทะนงตัวสูง และแสดงออกถึงความมั่นใจที่เกินจริง
คนที่เป็นโรคหลงตัวเอง (NPD) อาจมีอารมณ์รุนแรงผันผวน และกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับชื่อเสียง อำนาจ และความเหมาะสมของตน
ในสายตาของคนอื่น พวกเขาอาจเป็นที่มีลักษณะ ดังนี้ :
-
เห็นแก่ตัว
-
เรียกร้องความสนใจ
-
มีปัญหาในการเอาใจใส่ในความต้องการของผู้อื่น หรือไม่สนความรู้สึกของผู้อื่น
แต่ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดจากความต้องการปกปิดความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยอยู่ลึกๆ ของตนเอาไว้
โรคหลงตัวเองคืออะไร
โรคหลงตัวเองเป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (Borderline Personality Disorder) ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการของความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ที่จัดอยู่ในประเภท Cluster B ผู้ที่มีความผิดปกติเหล่านี้พบว่า มักไม่สามารถควบคุมอารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง
ผู้ที่เป็นโรคหลงตัวเอง อาจมีภาพลักษณ์ของตัวเองในอุดมคติ และความรู้สึกเหนือกว่าที่ไม่สมจริง (ประเมินค่าตัวเองสูงเกินความเป็นจริง) ลักษณะเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงการขาดความมั่นใจในตนเอง โดยที่บุคคลนั้นอาจไม่รู้ตัว
ลักษณะสำคัญของผู้ที่เป็นโรคหลงตัวเอง:
-
ต้องการความชื่นชม
-
ยึดตัวเองเป็นสำคัญ
-
ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
การวิจัยระบุว่า ผู้ชาย 7.7 % และผู้หญิง 4.7 % มีอาการหลงตัวเอง
อาการของโรคหลงตัวเอง
คนหลงตัวเอง จะเห็นตัวเองแตกต่างจากที่คนอื่นเห็นอย่างมาก
ลักษณะของผู้ป่วย ที่ผู้อื่นอาจสังเกตเห็นได้ มีดังนี้:
-
ความสนใจ และความชื่นชมตนเอง
-
มีความนับถือตนเองต่ำ และจะรู้สึกผิดหวังเมื่อไม่ได้รับความชื่นชม
-
ใกล้ชิดกับผู้อื่นเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานะร่ำรวยหรือบุคคลสำคัญ
-
ประเมินความสำเร็จ และความสามารถของตนเองสูงเกินไป
-
ประเมินความสำเร็จของผู้อื่นต่ำเกินไป
-
หมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จ อำนาจ ความฉลาด ความงาม หรือความรักในอุดมคติ
-
เชื่อมั่นในความเป็นเอกลักษณ์(เชื่อว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ)และมีเพียงคนพิเศษเทียบเท่าตนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้
-
มีความรู้สึกว่ามีอภิสิทธิต่างๆ เช่น ได้รับการรักษาที่ดี เป็นต้น
-
การใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง
-
ไม่สามารถเข้าใจความต้องการของผู้อื่น หรือไม่เต็มใจที่รับรู้ความรู้สึกของคนอื่น
-
รู้สึกอิจฉาและเชื่อว่าคนอื่นอิจฉาตน
-
ประพฤติตัวในลักษณะที่ดูหยิ่งผยองหรือหยิ่งผยองต่อผู้อื่น
-
แสดงกิริยาที่ดี แต่จะหงุดหงิดหรือโกรธอย่างรวดเร็ว(อารมณ์แปรปรวน ขาดความมั่นคงทางอารมณ์)
-
พูดเรื่องเกี่ยวกับตนเองเป็นเวลานาน แต่ขาดความสนใจในเรื่องของผู้อื่น
-
แสดงความก้าวร้าวเมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามต่อความเป็นตัวตนของพวกเขา
ลักษณะอื่นๆ ที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับการหลงตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เช่น:
-
ความรู้สึกอับอาย ไม่สามารถทนคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ และรู้สึกอ้างว้างเมื่อผิดหวัง
-
ไม่เต็มใจที่จะลองทำอะไรบางอย่างเพราะกลัวความพ่ายแพ้
-
มีปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์ (ความสัมพันธ์กับผู้อื่นดูแย่ไปหมด)
-
ความรู้สึกแปลกแยกทางอารมณ์ ตัดการเชื่อมต่อจากผู้อื่น(คบใครได้ไม่นาน)
-
มีความมั่นใจสูงมากเกินไปเมื่อทำงานความสำเร็จ แต่ประสิทธิ์ภาพนั้นจะหยุดชะงักเมื่อได้รับความติดเตียน(วิพากษ์วิจารณ์)
-
ปลีกตัวออกจากสังคม
-
มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ (ควบคุมอารมณ์ได้ยาก)
ความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า และอาการเบื่ออาหาร สามารถเกิดร่วมกับโรคหลงตัวเองได้
การวินิจฉัยโรคหลงตัวเอง
การประเมินทางจิตเวชสามารถช่วยได้ แต่การวินิจฉัยโรคหลงตัวเองโดยเฉพาะอาจเป็นได้รับการคัดค้าน
ประการแรก ความผิดปกติทางบุคลิกภาพหลายประเภทมักจะมีลักษณะทับซ้อนกัน นอกจากนี้บุคคลอาจมีโรคหลงตัวเองร่วมกับอาการป่วยอื่นได้ด้วย
นอกจากนี้บุคคลที่มีภาวะหลงตัวเอง อาจไม่ยอมรับว่าปัญหาในชีวิตเกิดจากพฤติกรรมของตนเองแต่จะกล่าวโทษผู้อื่นแทน
ผู้ที่มีอาการนี้อาจมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์ หรือการดูถูกเหยียดหยัน ทำให้คนอื่นว่ากล่าวตักเตือนกับเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขาได้ยาก และจะเป็นอันตรายได้
ในการวินิจฉัยโรคหลงตัวเอง แพทย์จำเป็นใช้หลักเกณฑ์จากคู่มือการวินิจฉัย และสถิติของความผิดปกติทางจิตฉบับที่ 5 อย่างน้อย 5 ข้อ ดังนี้
ความรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญเหนือคนอื่น
ความหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการถึงความสำเร็จ อำนาจ ความฉลาด ความงาม หรือความรักในอุดมคติที่ไร้ขีดจำกัด
ความเชื่อที่ว่าพวกเขาไม่เหมือนใคร (พิเศษเหนือผู้อื่น) และเฉพาะบุคคลที่มีสถานะ หรือสถาบันที่พิเศษเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจพวกเขาได้
ต้องการให้คนชื่นชมตลอดเวลา (มากเกินไป)
ความรู้สึกถึงสิทธิและความคาดหวังในการได้รับการปฏิบัติที่ดี หรือการปฏิบัติตามความคาดหวังโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่สมเหตุผล
มีแนวโน้มที่จะเอาเปรียบผู้อื่นเพื่อบรรลุผลประโยชน์ของตนเอง
ขาดความเห็นอกเห็นใจ และไม่เต็มใจที่จะรับรู้ หรือคำนึงถึงความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
อิจฉาคนอื่นและเชื่อว่าคนอื่นอิจฉาตนเอง
มีพฤติกรรมหรือทัศนคติ อวดดี หยิ่งยะโส
การรักษาโรคหลงตัวเอง
โรคหลงตัวเองยังไม่มีวิธีรักษา แต่การบำบัดรักษาสามารถช่วยให้บุคคลเอาชนะปัญหาพื้นฐานและเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างได้
บางครั้งอาจใช้ยาช่วยในการรักษาโรคหลงตัวเองได้หากภาวะหลงตัวเองนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากโรคอื่น เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล
การรักษาหลักๆ คือ จิตบำบัด การบำบัดหรือพัฒนาสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยได้
-
เข้าใจว่าอะไรเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดพฤติกรรมนี้ของพวกเขา
-
ควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น
-
เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
-
เรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้อื่น
-
สร้างความนับถือตัวเอง
-
ปรับความคาดหวังของพวกเขาทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
-
เข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่อผู้อื่น
การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy ; CBT) ครอบครัวบำบัด หรือกลุ่มบำบัด ที่เป็นจิตบำบัดประเภทหนึ่งที่อาจช่วยได้
การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม(CBT) มีจุดประสงค์เพื่อแยกแยะความเชื่อและพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพและเป็นอันตรายออก แล้วแทนที่ด้วยความเชื่อที่ดีต่อสุขภาพและพฤติกรรมที่เป็นบวก
สาเหตุของโรคหลงตัวเอง
แม้ว่าสาเหตุของความผิดปกติทางบุคลิกภาพยังไม่ชัดเจน แต่อาจมีความเกี่ยวเนื่องกับปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
ในช่วงวัยเด็ก สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลงตัวเองได้
-
การยกย่องมากเกินไป หรือการดูแลที่มากเกินไป
-
ความคาดหวังที่สูงเกินไป
-
ขาดการได้รับเอาใจใส่
-
ได้รับกระทบกระเทือนทางจิตใจ
-
การถูกล่วงละเมิด
-
ถูกทอดทิ้ง
ความเครียดอาจทำให้ความผิดปกติทางบุคลิกภาพมีอาการรุนแรงขึ้น
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่อาจพบในผู้เป็นโรคหลงตัวเองหลายคน ได้แก่
-
การใช้ยา หรือแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด
-
โรคซึมเศร้า
-
โรคตื่นตระหนก
-
โรคกลัวสังคม
-
โรควิตกกังวลทั่วไป
-
ความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่นๆ
ผู้เป็นโรคหลงตัวเองบางคนอาจมีความเสี่ยงสูงต่อสิ่งเหล่านี้:
-
มีปัญหาทางความสัมพันธ์
-
มีความยากลำบากในที่ทำงาน หรือที่โรงเรียน
-
มีความคิด หรือพฤติกรรมที่จะฆ่าตัวตาย
นอกจากนี้ยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยบางเรื่องพบว่า ผู้ชายที่มีภาวะหลงตัวเองจะมีระดับฮอร์โมนความเครียด(คอร์ติซอล)ในเลือดสูงกว่าคนปกติ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาไปสู่การเกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และหลอดเลือดมากขึ้น
การอยู่ร่วมกับผู้เป็นโรคหลงตัวเอง
โรคหลงตัวเองนั้นเป็นเรื่องท้าทายสำหรับแต่ละคนและคนที่พวกเขารัก แต่การรักษาและการประคับประคองจะสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้องได้
สำหรับคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้ที่มีภาวะหลงตัวเอง เคล็ดลับต่อไปนี้อาจช่วยได้
-
รักษาการสนับสนุนของเครือข่าย รวมถึงสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ
-
บำเพ็ญประโยชน์อย่างอิสระผ่านการทำงาน อาสาสมัคร หรืองานอดิเรก
-
ใช้กลยุทธ์การแก้ไขความขัดแย้งที่ดีต่อสุขภาพ
-
พยายามสงบสติอารมณ์เมื่อพูดถึงว่าพฤติกรรมของบุคคลคนนั้นมีผลต่อคุณอย่างไร
-
ติดต่อกลุ่มสนับสนุน เช่น Surviving Narcissism
หากคุณมีปัญหาเหล่านี้สามารถเข้าพบนักจิตวิทยาเพื่อรับการบำบัดรักษาได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.healthline.com/health/narcissistic-personality-disorder
-
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/9742-narcissistic-personality-disorder
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก