อาการคัดจมูก (Nasal Congestion) : อาการ สาเหตุและการรักษา

อาการคัดจมูก (Nasal Congestion) : อาการ สาเหตุและการรักษา

14.01
2586
0

อาการคัดจมูก (Nasal Congestion) เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดและเยื่อบุโพรงไซนัสขยายตัวทำให้ทางเดินหายใจบวมขึ้น สำหรับอาการคัดแน่นจมูกที่ไม่รุนเเรงสามารถหายเองได้ มีวิธีการรักษาอาการคัดจมูกหลายวิธี นอกจากนี้ยังสามารถรักษาและการดูแลรักษาตนเองที่บ้านได้เช่นกัน

อาการคัดจมูกสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย แต่บางคนอาจมีอาการคัดแน่นจมูกจนหายใจไม่ออกเกิดขึ้นบ่อยกว่าคนปกติ

ตัวอย่างเช่นคนที่เป็นโรคไซนัสอักเสบ ซึ่งโรคนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีและผู้ใหญ่ที่มีอายุ 25-64 ปี โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับเพศหญิง

ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลของอาการคัดจมูกและวิธีรักษาเมื่อเกิดอาการดังกล่าว

Nasal Congestion

สาเหตุของภาวะคัดจมูก

การติดเชื้อและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการคัดจมูกได้

คำศัพท์ทางการแพทย์สำหรับโรคโพรงจมูกและไซนัสอักเสบเรียกว่า “rhinosinusitis” โดยสาเหตุของโรคโพรงไซนัสอักเสบมีหลายประเภทดังต่อไปนี้

  • โรคโพรงไซนัสอักเสบติดเชื้อ : เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหรือระบบทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบ

  • โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ : เป็นอาการอักเสบที่ถูกกระตุ้นโดยสารก่อภูมิแพ้หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง

  • โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล : เป็นอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่เต็มไปด้วยสารก่อภูมิแพ้เช่นเกสรดอกไม้และดอกหญ้า ที่มักเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วง

  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ซึ่งมีอาการได้ตลอดปี : เป็นอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นได้ทั้งปีและมีสาเหตุเกิดจากการแพ้เชื้อรา ขนสัตว์ ไรฝุ่น และเศษแมลงสาบ

  • โรคไซนัสอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากอาการแพ้ : เป็นอาการแพ้ที่เกิดจากสารปนเปื้อนในอากาศเช่น ควันบุหรี่ สารเคมีและมลพิษในอากาศ

สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคเอชไอวีและโรคเบาหวานหรือผ่านการทำเคมีบำบัด อาจมีอาการคัดจมูกเนื่องจากภาวะติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป

สาเหตุอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการคัดจมูกได้แก่การติดเชื้อ อาการระคายเคืองและสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งได้แก่

  • ท่าทางของร่างกาย : การนอนอาจทำให้หายใจลำบากและร่างกายไม่สามารถขับของเหลวออกจากจมูกได้ ดังนั้นจึงควรเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก

  • โครงสร้างภายในโพรงไซนัส : ได้แก่ริดสีดวงจมูก ผนังกั้นช่องจมูกคด ทางเดินหายใจแคบลง เนื้องอกหรือมีถุงน้ำเกิดขึ้นในโพรงจมูกผิดปกติ

  • ปัญหาทางสุขภาพที่ทำให้น้ำมูกไหลลดลงเช่น โรคเสมหะข้นในปอดและการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของถุงน้ำดีหรือถุงน้ำดีหดตัวผิดปกติ

ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผนังกั้นจมูกคดมักมีอาการคัดจมูกอย่างรุนแรง ผนังกั้นช่องจมูกมีลักษณะบางทำหน้าที่แบ่งช่องจมูกออกเป็นของฝั่งได้แก่ช่องจมูกด้านซ้ายและขวา ผนังกั้นจมูกคดหมายถึงผนังด้านใดด้านหนึ่งเกิดภาวะคดโค้งทำให้หายใจลำบาก แม้ว่าไม่ได้เป็นไข้หรือสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้

ภาวะคัดจมูกในเด็ก

ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงเด็กควรสังเกตุอาการคัดจมูกในเด็กเล็กหรือเด็กทารกว่ามีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการทานอาหารหรือเบื่ออาการ

  • หงุดหงิดหรือรำคาญง่ายมากขึ้น

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือมีเสมหะมาก

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับหรือนอนหลับยาก

อาการคัดจมูกเกี่ยวข้องกับโรคโควิด 19 หรือไม่

ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก  (WHO)  ระบุว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโคโรน่าไวรัสเพียง 5% เท่านั้นที่มีอาการคัดแน่นจมูก นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นร่วมด้วยได้แก่

  • มีไข้

  • ไอแห้ง

  • เหนื่อยหอบอย่างไม่ทราบสาเหตุ

  • ไอและมีเสมหะข้นออกมาจากปอด

วิธีรักษาอาการคัดจมูก

วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาอาการคัดจมูกขึ้นอยู่ว่าอาการคัดจมูกเกิดจากอะไรโดยมีทางเลือกในการรักษาได้แก่

  • ยาปฏิชีวนะชนิดทานหรือใช้ภายนอก ถ้าหากเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรีย

  • ยาพ่นจมูกคอร์ติโคสเตียรอยด์

  • ยาละลายเสมหะ

  • การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

  • การผ่าตัด

การดูแลรักษาอาการคัดจมูกที่บ้าน

วิธีรักษาหรือบรรเทาอาการคัดจมูกเองที่บ้านมีดังต่อไปนี้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • อาบน้ำอุ่น

  • จิบน้ำร้อนหรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นวางบนหน้าผาก

  • ทานยาที่มีจำหน่ายทั่วไปเช่นยาต้านฮีสทามีนหรือยาหดหลอดเลือด

  • พยายามล้างจมูก

  • ใช้ยาที่ช่วยบรรเทาอาการบวมหรือปวดโพรงไซนัส

  • ประคบเย็นบริเวณที่เกิดอาการปวดบนใบหน้า

  • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกเช่นโยเกิร์ตหรือกิมจิ

  • ทานอาหารเสริมเพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเช่น แร่ธาตุซิงค์ วิตามินซี หรือสารสกัดเจอเรเนียมและสารสกัดเอ็กไคนาเซีย

ข้อควรระวังที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้คือไม่ควรใช้สเปร์ยพ่นจมูกและยาหดหลอดเลือดมากเกินไปเนื่องจากสามารถทำให้เกิดอาการคัดจมูกได้เช่นกัน

อาการคัดจมูกเกิดขึ้นได้นานเท่าไหร่

คนที่เป็นไข้หวัดทั่วไปมักมีอาการคัดจมูกลดลงและหายป่วย เมื่อเวลาผ่านไป1-2 สัปดาห์

ถ้าหากเกิดอาการคัดจมูกเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 10-14 วัน แต่ถ้าหากอาการคัดจมูกหายไปภายในเวลา 7 วัน ยังคงต้องทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์จัดให้ทั้งหมด

ถ้าหากอาการแพ้เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการคัดจมูก ผู้ที่มีอาการแพ้ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

ถ้าหากปัญหาผนังกั้นจมูกคดทำให้เกิดอาการคัดจมูก แพทย์แนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่

ถ้าหากมีอาการคัดจมูกเกิดขึ้นและไม่มีอาการดีขึ้นภายในระยะเวลา 10-14 วัน หรือมีอาการคัดจมูกรุนแรงขึ้นภายใน 7-10 วัน เนื่องจากการติดเชื้อในโพรงไซนัส ในกรณีควรไปปรึกษาแพทย์ทันที

นอกจากนี้ควรไปพบเเพทย์ ถ้าหากอาการคัดจมูกไม่ดีขึ้นหลังจากทำการรักษาตนเองและมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นร่วมด้วย

  • มีไข้สูง

  • มีน้ำมูกข้นเเละมีสีผิดปกติ

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ

การป้องกัน

ข้อมูลจากสถาบันโรคหอบหืดและภูมิแพ้แห่งสหรัฐอเมริการะบุว่าการป้องกันอาการคัดจมูกที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่างๆ โดยสามารถปฏบัติตามวิธีดังต่อไปนี้

  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นประจำ

  • ทำความสะอาดที่นอนและผ้าปูที่นอนด้วยน้ำยาซักผ้าและน้ำร้อน

  • ปิดหน้าต่างและประตูในช่วงฤดูที่มีเกสรหรือเชื้อไรฝุ่นในอากาศจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้ผลิ

  • ดูดฝุ่นเป็นประจำ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการป่วย

บทสรุป

อาการคัดจมูกอาจมีสาเหตุเกิดจากอาการแพ้และการติดเชื้อ รวมถึงโครงสร้างผิดปกติของโพรงไซนัสและปัญหาเกิดปัญหากับอวัยวะอื่นๆในร่างกาย

สำหรับอาการคัดจมูกทั่วไปส่วนใหญ่เเล้ว ผู้ที่มีอาการนี้สามารถดูแลรักษาตนเองได้ที่บ้าน อย่างไรก็ตามหากเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียควรได้รับยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาผนังกั้นจมูกคด ควรเข้ารับการผ่าตัดเพื่อทำให้ทางเดินหายใจเป็นปกติ

 ถ้าหากมีอาการคัดจมูกอย่างรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ ควรไปพบเเพทย์ทันที

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *