โรคกระดูกบาง (Osteopenia) เป็นภาวะที่มวลกระดูกมีความหนาแน่นต่ำเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน ความหนาแน่นของกระดูกหมายถึงมวลและความแข็งแรงของกระดูก
โรคกระดูกบางมักไม่ก่อให้เกิดอาการแต่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายมากขึ้น เช่น ภาวะกระดูกหักจากความเปราะบางของกระดูก อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันกระดูกของเราและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกบางได้
ตลอดชีวิต ร่างกายจะดูดซึมหรือสลายเซลล์กระดูก อย่างไรก็ตาม เซลล์บางชนิดต้องการแคลเซียมในการสร้างกระดูกใหม่และทำให้มวลกระดูกคงความแข็งแรงไว้
เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ร่างกายจะดูดซึมเซลล์กระดูกได้เร็วกว่าที่จะทดแทนได้ซึ่งจะทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกบาง
คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกบาง
โดยเฉพาะ ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชายที่เป็นโรคนี้ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสามของผู้ชายผิวขาวและเอเชียที่อายุมากกว่า 50 ปีมีภาวะเป็นโรคกระดูกพรุน และกระดูกบาง
ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม ได้แก่ :
โภชนาการ: ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีและแคลเซียมต่ำอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคกระดูกบาง การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้ความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมของกระดูกลดลง
- การสูบบุหรี่: แคลเซียมช่วยให้เกิดการสร้างกระดูกแข็งแรง การสูบบุหรี่จะปิดกั้นการดูดซึมปริมาณแคลเซียมที่กระดูกและอาจเร่งการสูญเสียความหนาแน่นของกระดูก
- การรักษาด้วยยาบางชนิด: ยาบางชนิดสามารถเร่งการสูญเสียมวลกระดูกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่รับประทานยาบางชนิดเป็นระยะเวลานาน เช่น ยาต้านอาการชัก ยามะเร็งและสเตียรอยด์บางชนิดอาจทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง
- โรคบางอย่าง: มีโรคบางอย่าง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเซลิแอคยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกบาง
กระดูกมีแร่ธาตุ รวมทั้ง ฟอสเฟตและแคลเซียมที่ทำให้กระดูกแข็งแรงและหนาแน่น ยิ่งกระดูกอ่อนแอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแตกง่ายขึ้นเท่านั้น
การวินิจฉัยโรคกระดูกบาง
เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคกระดูกบางจะไม่แสดงอาการ คนส่วนใหญ่จึงไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะกระดูกพรุนจนกว่าจะตรวจความหนาแน่นของกระดูก
การทดสอบความหนาแน่นของกระดูกโดยทั่วไปที่แพทย์ใช้เรียกว่า การเอกซเรย์กระดูกโดยใช้เครื่องมือวัดความหนาแน่นกระดูกที่มีรังสีเอกซเรย์ต่างกันสองระดับ (DEXA)
การเอ็กซเรย์กระดูกโดยใช้เครื่องมือวัดความหนาแน่นกระดูกที่มีรังสีเอกซเรย์ต่างกันสองระดับเป็นการใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำเพื่อประเมินระดับแคลเซียมในกระดูก
มูลนิธิโรคกระดูกบางแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาแนะนำว่าจุดที่ควรตรวจมวลกระดูกที่สุดคือบริเวณสะโพกหรือกระดูกสันหลัง
แพทย์ใช้ T-score เพื่อรายงานผลการทดสอบและการตรวจ ผลคะแนน T-score จะเปรียบเทียบมวลกระดูกของแต่ละคนกับมวลกระดูกควรมีตามช่วงอายุ
ตัวอย่างเช่น T-score ปกติสูงกว่า -1.0 แพทย์จะวินิจฉัยว่าคนที่มีคะแนน T ระหว่าง -0.1 ถึง -2.5 เป็นโรคกระดูกบาง
ส่วนคำถามที่ว่า เมื่อไรเราควรเข้ารับการตรวจทวลกระดูกนั้นอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจความหนาแน่นของกระดูก
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 65 ปี แต่ถึงวัยหมดประจำเดือนและมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมในการเกิดโรคกระดูกบาง เช่น ใช้ยาสูบเป็นประจำควรพิจารณาเข้ารับการตรวจมวลกระดูกด้วย
การรักษาโรคกระดูกบาง
โรคกระดูกบางมักทำให้เกิดภาวะกระดูกหักจากตวามเปราะบางของกระดูกได้ ใครก็ตามที่เป็นโรคกระดูกบางจะมีความเสี่ยงที่จะมีกระดูกแตกหรือหักเพิ่มขึ้น
การรักษาสามารถช่วยป้องกันไม่ให้อาการลุกลาม การรักษาอาจรวม:
- ดูแลโภชนาการ
- กินผักใบเขียวซึ่งเป็นแหล่งแคลเซียมที่อุดมสมบูรณ์
คำแนะนำทางโภชนาการอาจรวมถึงการรับประทานอาหารที่เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แคลเซียมและวิตามินดีสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ :
- ผักใบเขียว
- ผลิตภัณฑ์จากนม
- ปลาซาร์ดีน
แหล่งที่มีวิตามินดีมากมาย ได้แก่ :
- ตับสัตว์
- ปลาที่มีน้ำมันหรือไขมันดี
- ปลาแมกเคอเรล
- ซีเรียลต่าง ๆ
การออกกำลังกาย
แนะนำให้ออกกำลังกายเพื่อป้องกันและรักษาโรคกระดูกบาง การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถป้องกันการสูญเสียกระดูกและอาจทำให้ความหนาแน่นของกระดูกดีขึ้น
โปรแกรมการออกกำลังกายควรมีทั้งการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการออกกำลังกายแบบแอโรบิกโดยมีการลงน้ำหนักที่ขา การออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้ออาจรวมถึง:
- การออกกำลังประเภทเวท เช่น วิดพื้นและสควอต
- ยกน้ำหนัก
- ใช้เครื่องออกกำลังกายประเภทเวท
- การออกกำลังกายแบบแอโรบิกโดยมีการลงน้ำหนักที่ขา ได้แก่ กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเต้นรำ การขึ้นบันไดและการเดิน เล่นไทชิหรือโยคะเพื่อช่วยรักษาความยืดหยุ่น
- การออกกำลังเสริมกายด้วยการทรงตัวอาจช่วยป้องกันการหกล้มเมื่ออายุมากขึ้นและลดความเสี่ยงของกระดูกแตกหัก
การรักษาด้วยยา
แพทย์อาจยังไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคกระดูกบางเข้ารับการรักษาด้วยยาจนกว่าอาการจะเข้าสู่ภาวะกระดูกหักจากตวามเปราะบางของกระดูก
หากผู้ที่เป็นโรคกระดูกบางได้รับความเสียหายจากกระดูกหักแล้วแพทย์อาจสั่งจ่ายยาให้
การรักษาด้วยยาอาจรวมถึงกลุ่มยาที่เรียกว่า บิสฟอสโฟเนตโดยช่วยป้องกันการดูดซึมกลับของกระดูก สำหรับผู้ที่มีความหนาแน่นของกระดูกในระดับภาวะกระดูกหักจากตวามเปราะบางของกระดูก แพทย์อาจสั่งจ่ายยา เช่น การใช้ฮอร์โมนทดแทน (HRT)
โรคกระดูกบางและภาวะกระดูกหักจากความเปราะบางของกระดูก
ผู้ที่มีภาวะกระดูกหักจากความเปราะบางของกระดูกจะมีความหนาแน่นของกระดูกต่ำกว่าผู้ที่เป็นโรคกระดูกบาง
ภาวะกระดูกหักจากความเปราะบางของกระดูกทำให้กระดูกเปราะบางซึ่งอาจหมายความว่าแม้แต่การหกล้มเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กระดูกหักได้ นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนมีโอกาสหลังค่อม สูญเสียความสูงและข้อกระดูกสันหลังยุบได้
จากข้อมูลของมูลนิธิโรคกระดูกบางแห่งชาติ ในสหรัฐอเมริกาพบว่า คนราว 54 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาในภาวะกระดูกหักจากความเปราะบางของกระดูกและคาดอีกว่าคนจำนวนมากเป็นโรคกระดูกบาง
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าผู้ที่เป็นโรคกระดูกบางมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการมีภาวะกระดูกหักจากความเปราะบางของกระดูก
การป้องกันโรคกระดูกบาง
เลี่ยงหรือเลิกสูบบุหรี่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกบางได้
มีหลายวิธีที่นำมาใช้ป้องกันโรคกระดูกบางสามารถนำไปใช้ในการรักษาภาวะกระดูกพรุนได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น การออกกำลังกายแบบแอโรบิกโดยมีการลงน้ำหนักที่ขาเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกบางได้
การรับประทานอาหารที่สมดุลรวมทั้งอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูงซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกด้วย
การปรับรูปแบบการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นช่วยป้องกันโรคกระดูกบาง ได้แก่ :
- เลี่ยงการใช้นิโคติน: การสูบบุหรี่และนิโคตินในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การเคี้ยวยาสูบ หมากฝรั่ง นิโคตินและแผ่นแปะอาจส่งผลต่อการที่ร่างกายดูดซึมและรักษาแคลเซียมซึ่งสามารถเร่งการสูญเสียกระดูกได้
- ลดเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมที่มีฟอสเฟต: น้ำอัดลมบางประเภท เช่น โคล่าที่มีกรดฟอสเฟต ที่ทำให้ระดับแคลเซียมในกระดูกลดลง คาเฟอีนในเครื่องดื่มบางประเภทส่งผลต่อความหนาแน่นของกระดูก
- จำกัดการกินเกลือ: อาหารที่มีเกลือสูงอาจทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมและทำให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง เกลือแกงยังเป็นแหล่งโซเดียมส่วนเกินอีกด้วย นอกจากนี้ อาหารจานด่วน เนื้อกระป๋อง อาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูปมักมีเกลือสูง
- ผู้ที่ได้รับแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอในอาหารที่รับประทานควรปรึกษาแพทย์เรื่องการรับประทานอาหารเสริม ปริมาณแคลเซียมที่แต่ละคนต้องการอาจแตกต่างกันไปตามอายุ เพศและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดูกบาง
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://familydoctor.org/condition/osteopenia/#:~:text=Osteopenia%20is%20a%20condition%20that,higher%20risk%20of%20having%20osteoporosis.
- https://www.webmd.com/osteoporosis/guide/osteopenia-early-signs-of-bone-loss#1
- https://www.healthline.com/health/osteopenia
- https://www.medicinenet.com/osteopenia/article.htm
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก