จาม (Sneeze) คือ การที่ธรรมชาติของร่างกายตอบสนองเพื่อกำจัดสิ่งกระตุ้นออกจากจมูกและโพรงไซนัส การกระตุ้นในบริเวณที่ถูกกระตุ้นนี้จะทำให้เกิดการหดเกร็งของทางเดินหายใจเพื่อขับสิ่งเหล่านั้นออกไปอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจในอัตราเร็วระหว่าง 35-40 ไมล์ต่อชั่วโมง
ในการจามจะมีสิ่งต่างๆเหล่านี้ออกมาด้วย ได้แก่
- เสมหะ
- น้ำลาย
- เชื้อแบคทีเรีย
- จุลชีพ
อาการจาม
อาการจามเกิดขึ้นที่จมูกหรือปาก มีสิ่งที่คุณคนทั่วไปควรทราบเกี่ยวกับอาการจามว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้จมูกสามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปจากจมูก
เพราะว่าการจามเป็นการขับเอาสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจออกด้วยแรงที่ทำให้คนมีการเอียงตัวไปด้านหลังเล็กน้อย ซึ่งนั่นหมายความว่าจมูกของคนเราจะสามารถกลับไปทำหน้าที่ได้ตามปกติหมายถึงการป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่จมูกซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้
บางคนมีอาการจาม 2-3 ครั้ง นั่นเป็นเพราะในการจามครั้งแรกไม่สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กนั้นออกไปได้หมด ดังนั้นจึงเกิดอาการจามครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ตามมาหรือในบางครั้งอาจจะมากกว่านี้ก็ได้
ในที่สุดอาการจามคือการที่ร่างกายของคนเราตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่อยู่ภายในจมูก โดยในบางครั้งเราไม่สามารถควบคุมอาการจามได้ โดยความเป็นจริงแล้วจากบทความในนิตยสารฟอบส์ได้กล่าวว่า การพยายามที่จะกลั้นจามนั้นทำให้เกิดอันตรายตามมาได้
คอหอยของชายคนหนึ่งเสียหายจากการกลั้นจามด้วยการบีบจมูกและปิดปากของเขาไว้ หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ต่อมา เขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาคอหอยของเขา จนสามารถดื่มและรับประทานอาหารได้โดยที่ไม่มีอาหารหรือน้ำรั่วออกมาจากคอหอย แพทย์จึงได้ให้คำแนะนำก่อนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาลคือไม่ควรบีบจมูกในขณะที่จาม
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการจาม
คุณไม่จำเป็นต้องเกิดอาการจามตลอดเวลา การค้นหาสาเหตุว่าทำไมคนเราถึงมีอาการจามบ่อย มีสิ่งหนึ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับอาการจามคือในการจามแต่ละครั้งจะมีสาเหตุของอาการจามเสมอ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ นั่นคือมีสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดการจาม หากคุณมีอาการจามเกิดขึ้นในทันทีทันใดซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา คุณควรพิจารณาว่าอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
- อากาศหนาวเย็น ในบางครั้งอาการจามอาจบ่งบอกได้ว่าช่วงเวลาของอากาศหนาวเย็นกำลังจะมาถึงในไม่ช้า อาการอื่นๆที่อาจจะพบได้เมื่ออยู่ในที่อากาศเย็น เช่น น้ำตาไหล น้ำมูกไหล คัดจมูก เจ็บคอ ไอ เป็นไข้ หนาวสั่น โชคไม่ดีที่อากาศเย็นนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดก็ได้ของปีและเป็นมักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการจามขึ้น
- แสงจ้าหรือแสงแดด โดยประมาณร้อยละ 18-35 ของคนทั่วไปมีปัญหาเกี่ยวกับอาการจามเมื่อมองเห็นแสงอาทิตย์หรือแสงแดดที่จ้า (photic sneeze reflex) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ และโรคจามเมื่อเจอแสงแดดซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง (ACHOO) จากข้อมูลในนิตยสาร Scientific American ได้กล่าวว่าผู้คนเหล่านี้มักเกิดอาการจามบ่อยๆ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อออกจากบริเวณที่มีแสงสลัวๆ ไปยังบริเวณที่มีแสงแดดจ้า
- การได้กลิ่นเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง พริกไทยเป็นหนึ่งในสาเหตุขึ้นชื่อที่ทำให้ผู้คนเกิดอาการจาม แต่พริกไทยก็ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถกระตุ้นอาการจามได้ ที่สำคัญกว่านั้นไม่ใช่แค่การสูดดมเครื่องเทศเท่านั้นที่ทำให้เกิดอาการจามได้ แต่การรับประทานเครื่องเทศบางชนิดก็กระตุ้นให้จามได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานอาหารรสเผ็ด
- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยทั่วไปแล้วการจามในลักษณะนี้เกิดจากการปรับตัวของร่างกายต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
- ภูมิแพ้จากขนสัตว์ ในบางครั้งจะพบในผู้ใหญ่เนื่องจากตอนเด็กมักไม่ค่อยได้สัมผัสกับขนสัตว์หรืออาจจะสัมผัสไม่นานพอจนพัฒนาทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมา
- การได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่น หากคุณพบว่าคุณเกิดอาการจามตลอดทั้งวันหรือแม้แต่เกิดอาการจามเพียงแค่เข้าใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่นั่นแปลว่าควันบุหรี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการจามนั้น
- โรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลในผู้ใหญ่ อาการภูมิแพ้เหล่านี้มักไม่แสดงอาการใดๆจนกว่าคุณจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โดยมักจะมีอาการจาม ไอ หายใจมีเสียงวี้ด รวมไปถึงมีอาการตาแดง โดยอาการเหล่านี้มักพบได้ทั่วไปเมื่อมีสารก่อภูมิแพ้เข้าไปกระตุ้น
แน่นอนว่ามีหลายสิ่งที่สามารถทำให้เกิดอาการจามได้ ดังที่ WebMD ได้ชี้ให้เห็นสาเหตุบางประการซึ่งน่าประหลาดใจว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนเกิดอาการจามได้ ดังนี้
- การสำเร็จความใคร่
- การทำงาน
- การถอนขนคิ้ว
- การแหย่จมูก
สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการจามโดยทั่วไป มีดังต่อไปนี้
- ฝุ่น
- อากาศเย็น
- มลพิษ
- ละอองเกสรดอกไม้
- สารก่อภูมิแพ้
นอกเหนือจากนี้ยังมีสิ่งอื่นที่กระตุ้นให้เกิดการจามได้ ดังนี้ ขนของสัตว์เลี้ยง แสงอาทิตย์ เครื่องเทศ
การจามคือกลไกการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นโดยอัตโนมัติที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย สาเหตุของสิ่งเหล่านี้เกิดจากการมีตัวกระตุ้นมากระตุ้นทำให้เกิดการตอบสนอง ในบางกรณีอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจส่วนล่างหรือเกิดจากการแพ้จึงเกิดอาการจามเพื่อขับเอาน้ำมูกที่มากเกินไปออก
โดยบางครั้งอาจไม่ต้องมีสิ่งกระตุ้นที่มากพอหรือการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการจามมากพอ เนื่องจากตัวรับสัญญาณที่อยู่ภายในเยื่อบุจมูกจะถูกกระตุ้นโดยสัญญาณประสาทผ่านเส้นประสาท cranial nerve คู่ที่ 15 ซึ่งเป็นบริเวณกระตุ้นของกลไกการจามดังกล่าว
เมื่อเกิดอาการจาม อากาศจะผ่านออกมาอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร็วโดยเฉลี่ยมากถึง 40 ไมล์ต่อชั่วโมง ในบางครั้งอาจจะมีการกำจัดสิ่งกระตุ้นด้วยอัตราเร็วมากถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง และที่น่าประหลาดใจคือกลไกทั้งหมดที่กล่าวมานี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 2 วินาทีเพื่อให้เกิดแรงในการจามขึ้น
สิ่งหนึ่งที่คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าผู้คนส่วนใหญ่จะหลับตาขณะที่จาม แม้ว่าไม่จำเป็นต้องทำ จากการบอกต่อจากรุ่นสู่รู่นได้กล่าวว่าผู้คนส่วนใหญ่ทำสิ่งนี้เนื่องจากเป็นกลไกการตอบสนองของร่างกายโดยอัตโนมัติซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้
การรักษาการจาม
เนื่องจากผู้คนส่วนมากเกิดอาการจามเนื่องจากอากาศเย็น, เชื้อไวรัส, และอื่นๆ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรปฎิบัติคือการหลีกเลี่ยงการใช้ปิดปากแล้วจาม เนื่องจากเป็นการแพร่เชื้อโรคไปยังบริเวณอื่นได้หากคุณใช้มือไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นศุนย์ควบคุมและป้องกันโรค ได้แนะนำว่าคุณควรที่จะจามใส่กระดาษทิชชู่ เมื่อใช้เสร็จก็ควรทิ้งลงในถังขยะ แต่ในกรณีที่ไม่มีกระดาษทิชชู่ ควรจามใส่บริเวณแขนท่อนบนซึ่งต่ำกว่ามือ หลังจากนั้นก็ควรที่จะล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้หลังจากที่จามเสร็จ
หากคุณป่วยเป็นภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุของการจาม คุณควรรับประทานยาแก้แพ้ และอยู่ให้ห่างจากสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่เป็นสาเหตุของการจามของคุณได้
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/sneezing
- https://www.webmd.com/allergies/features/11-surprising-sneezing-facts#1
- https://www.cdc.gov/healthywater/hygiene/etiquette/coughing_sneezing.html
- https://kidshealth.org/en/kids/sneeze.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก