

เป็นโรคติดเชื้อในลำไส้ที่มีการติดต่อได้ง่ายมาก ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Stomach Flu หรือ ไวรัสลงกระเพาะ
โรคไวรัสลงกระเพาะ Viral Gastroenteritis หรือ Stomach Flu เกิดได้จากไวรัสหลายชนิด และบ่อยครั้งจะเกิดขึ้นในผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน น้อยครั้งที่ไวรัสลงกระเพาะจะมีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย
ถึงแม้ว่าโรคไวรัสลงกระเพาะนั้นจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก แต่ผู้ป่วยส่วนมากจะหายได้ภายในเวลาไม่กี่วันโดยไม่มีอาการแทรกซ้อน
โรคไวรัสลงกระเพาะนั้นไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งปกติแล้วจะปล่อยให้การติดเชื้อดำเนินไป การรักษาที่บ้านสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้
อาการของไวรัสลงกระเพาะ
ถึงแม้ว่าไวรัสลงกระเพาะจะถูกเรียกว่า ไข้หวัดลงกระเพาะแต่มันแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่จะส่งผลกระทบแค่กับ จมูก คอ และปอด แต่ไวรัสลงกระเพาะอาการจะส่งผลต่อกระเพาะและลำไส้
อาการของไวรัสลงกระเพาะมีดังนี้:
-
ถ่ายเป็นน้ำ ไม่มีเลือดปน
-
คลื่นไส้ อาเจียน หรือทั้งสองอย่าง
-
ปวดกล้ามเนื้อ หรือ ปวดศีรษะ
-
มีไข้ต่ำ ๆ
ในกรณีส่วนใหญ่ อาการจะปรากฏขึ้นใน 1-3 วันของการติดเชื้อ ซึ่งมีทั้งอาการน้อย ๆ ไปจนถึงรุนแรง อาการต่าง ๆ มักจะเริ่มแสดงขึ้นมาหลังจากได้รับไวรัส 12-48 ชั่วโมง และมักจะมีอาการประมาณ 3-7 วัน หรือในเคสรุนแรง อาจนานถึง 10 วัน
หากเป็นเชื้อไวรัสลงกระเพาะไม่ควรไปเรียนหรือทำงาน
การรักษาโรคไวรัสลงกระเพาะ
ยังไม่มียาที่สามารถรักษาไวรัสลงกระเพาะได้ ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาได้เพราะเป็นการติดเชื้อจากไวรัส
-
ไอบูโปรเฟน – สามารถลดไข้และบรรเทาปวด แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะมันทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารและทำให้ไตทำงานหนักขึ้นในขณะที่สูญเสียน้ำอยู่แล้ว
-
อะเซตามีโนเฟน หรือ พาราเซตามอล – ยานี้ถูกแนะนำให้ใช้บ่อย เพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าไอบูโปรเฟน
-
ยาต้านการอาเจียน Antiemetics – ยานี้ทำให้หายจากการคลื่นไส้ได้ หมออาจสั่ง promethazine ondansetron metoclopramide และ prochlorperazine ให้ผู้ป่วย
-
ยาแก้ท้องร่วง antidiarrheals – ซับซาลิไซเลต (Pepto-Bismol) และ โลเพอราไมด์ (Imodium) ไม่ควรใช้ Pepto-Bismol ในเด็ก
สาเหตุของไวรัสลงกระเพาะ
ไวรัสลงกระเพาะเกิดจากไวรัสหลายชนิด มันเกิดได้หลังจากการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสจากการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนไวรัส น้อยครั้งมากที่จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ไวรัสลงกระเพาะกับอาหารเป็นพิษ
อาการของไวรัสลงกระเพาะและอาหารเป็นพิษนั้นคล้ายคลึงกันมาก ถึงแม้ว่าอาหารเป็นพิษนั้นจะพบได้บ่อยกว่า
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ ระยะเวลาของการป่วย อาหารเป็นพิษนั้นสามารถหายได้ใน 2-3 วัน ในขณะที่ไวรัสลงกระเพาะนั้นอาจต้องใช้เวลาถึง 10 วันในการรักษา

การดูแลตัวเองที่บ้านเมื่อเป็นไวรัสลงกระเพาะ
น่าเสียดายที่ไม่มีการรักษาที่สามารถรักษาโรคไวรัสลงกระเพาะได้ ยาปฏิชีวนะก็ไม่รักษาการติดเชื้อจากไวรัส การบรรเทาอาการจากที่บ้านจึงเป็นวิธีที่ช่วยผู้ป่วยได้
ดื่มน้ำเยอะ ๆ
ผู้ป่วยที่เป็นไวรัสลงกระเพาะจะไม่อยากอาหาร และอาจทำให้ขาดน้ำได้ เพราะร่างกายเสียน้ำไปมากจากการท้องเสีย อาเจียน และ เหงื่อออก
จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มีน้ำในร่างกายเพียงพอที่จะไม่เกิดอาการขาดน้ำ ผู้ป่วยควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เช่น โซดา น้ำซุป หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ที่ไม่มีคาเฟอีน
ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทานหรือดื่มได้สามารถอมน้ำแข็งไว้เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำ
ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มาคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาดำ และช็อคโกแลต เพราะพวกมันจะทำให้ไม่สบายท้อง และคาเฟอีนจะไปรบกวนการนอนหลับ ซึ่งจำเป็นต่อการพักฟื้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อย และทำให้เสียนำ้มากยิ่งขึ้น
อาหารที่ควรรับประทาน
ไวรัสลงกระเพาะมักทำให้การอยากอาหารลดลงหรือไม่อยากอาหารเลย อย่างไรก็ตาม เมื่ออาการดีขึ้นควรค่อย ๆ เริ่มกินและกินอาหารง่าย ๆ
ควรเติมน้ำให้ร่างกายด้วยเครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีน หรือน้ำผลไม้ แล้วจากนั้นจึงเปลี่ยนไปกินซุป และอาหารมื้อเล็ก ๆ
ผู้ป่วยบางรายดื่มนมแล้วทำให้อาการท้องเสียแย่ลง แต่บางคนก็ไม่ ไม่ควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์มากเกินไปเพราะไฟเบอร์ทำให้ลำไส้ลื่น อาหารที่มีมะเขือเทศ ไขมัน และมีรสเผ็ดก็ทำให้อาการท้องเสียแย่ลงเช่นกัน
การพักผ่อน
ไวรัสลงกระเพาะนั้นทำให้หมดแรง ร่างกายใช้พลังไปมากกับการต่อสู้กับการติดเชื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ด้วยเหตุนี้ การพักผ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันได้ทำงานและเซลล์ต่าง ๆ ได้ซ่อมแซมตัวเอง
ผู้ป่วยควรพักในตอนกลางวันและหลับให้สบายในตอนกลางคืน
ผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าอาการดีขึ้นจากการทำตามการรักษาเหล่านี้ :
ขิง และ เปปเปอร์มินท์
ขิงช่วยลดการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและการบวมได้อีกด้วย
การทำน้ำขิง:
-
ผงขิง 1 ช้อนชา หรือ ครึ่งช้อนชา ต่อ น้ำ 1 แก้ว
-
ต้ม 5 นาที แล้วปล่อยไว้ 10 นาที
-
หากใช้รากขิงสดให้กรองก่อนดื่ม
-
ดื่ม 2-3 ครั้ง ทุกวัน
ขิงถูกใช้เพื่อให้รสเผ็ดในอาหาร ผู้ป่วยสามารถรับประทานขิงชนิดแคปซูล ดื่มเครื่องดื่มขิง หรือ เคี้ยวขิงเป็นชิ้น
มินท์ เช่น เปปเปอร์มินท์ สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ และช่วยเรื่องแก๊สในกระเพาะ และอาการบวม การดื่มเป็นน้ำจะช่วยในการบรรเทาอาการปวดท้องได้ดีที่สุด
วิธีทำชามินท์ ต้มใบมินท์ 2-3 ใบแล้วกรองเอาแต่น้ำ
การกดจุด
บางคนกล่าวว่า การกดจุดสามารถช่วยลดการคลื่นไส้ได้ โดยการทาบนิ้วมือ 3 นิ้วลงไปบนฝ่ามือจากด้านล่างของฝ่ามือ กดนิ้วลงไประหว่างเส้นเอ็น นวดประมาณ 2-3 นาที
ดอกคาโมมายล์
ดอกคาโมมายล์สามารถช่วยใช้บรรเทาอาการไวรัสลงกระเพาะได้ มันช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและต้านการอักเสบ
ดอกไม้ชนิดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการ ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องบวม คลื่นไส้ และแก๊สในกระเพาะสำหรับบางคนได้
วิธีการทำชาคาโมมายล์:
-
ใส่ดอกคาโมมายล์ 2-3 ช้อนชาลงไปในน้ำร้อน
-
ปิด และปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาที
-
กรอง และเติมน้ำมะนาว หรือ น้ำผึ้งตามชอบ
-
ดื่มชานี้ 3-4 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 2-3 วัน
ชาโรสแมรี่ และชาเม็ดยี่หร่าก็อาจจะช่วยต้านการอักเสบและรักษาระบบย่อยอาหารได้เช่นกัน
การดูแลเด็ก
หากเด็กเล็กมีอาการมากกว่า 1-2 วัน ควรพาไปพบแพทย์ ควรให้เด็กจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ
สารละลายอิเล็กโทรไลต์ เช่น Pedialyte สามารถช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้เช่นกัน
นี่คือที่มาในบทความของเรา
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก