นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder stones) เกิดจากการรวมตัวของตะกอนก่อตัวเป็นก้อนคล้ายก้อนหินของแร่ธาตุ ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้สูงอายุเพศชาย นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมักทำให้เกิดอาการป่วย ไม่สบายตัว แต่มีทางเลือกในการรักษามากมาย
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะคืออะไร
โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือเรียกว่า ก้อน ผลึกแคลเซียม เกิดจากการรวมตัวกันของแร่ธาตุ ซึ่งจะเกิดก็ต่อเมื่อกระเพาะปัสสาวะยังมีน้ำปัสสาวะหลงเหลืออยู่ภายหลังการปัสสาวะ
เมื่อปัสสาวะที่เหลืออยู่มีความเข้มข้นและมีแร่ธาตุรวมอยู่ด้วย
บางครั้ง นิ่วดังกล่าวจะเคลื่อนผ่านไปได้หากยังมีขนาดเล็กมาก บางครั้งนิ่วจะไปติดอยู่ที่ผนังของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อไต(ท่อส่วนต่อจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ)
หากสิ่งนี้เกิดขึ้น เหล่านิ่วจะค่อยๆรวมตัวเป็นก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะสามารถอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้ในบางครั้งและไม่ก่อให้เกิดอาการเสมอไป จะพบก็ต่อเมื่อเอกซเรย์ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ที่แตกต่างกันออกไป
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะที่มีขนาดใหญ่อาจจำเป็นต้องเอาออกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
บางครั้งอาจเกิดนิ่วเพียงก้อนเดียว กรณีอื่นนิ่วอาจรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมา มีรูปร่างแตกต่างกันไป บางส่วนเกือบจะเป็นทรงกลม ในขณะที่บางส่วนอาจมีรูปร่างผิดปกติ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะที่เล็กที่สุดจนแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่บางก้อนก็สามารถเติบโตจนน่าประหลาดใจ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะที่ใหญ่ที่สุด บันทึกโดย Guinness World Records มีน้ำหนักถึง 4 ปอนด์ 3 ออนซ์ และวัดได้ 17.9 x 12.7 x 9.5 ซม.
อาการของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
อาการนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอาจไม่แสดงอาการในทันที แต่หากก้อนทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะอาจมีอาการดังต่อไปนี้:
-
ไม่สุขสบาย หรือปวดบริเวณอวัยวะเพศในผู้ชาย
-
ปัสสาวะเป็นประจำมากขึ้น หรือหยุดไหล
-
ใช้เวลาในการปัสสาวะนานขึ้น
-
รู้สึกปวดและไม่สุขสบายเมื่อปัสสาวะ
-
ปัสสาวะมีเลือดปน
-
ปัสสาวะมีสีขุ่น หรือสีเข้มผิดปกติ
สาเหตุของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเริ่มโตขึ้นเมื่อมีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะภายหลังปัสสาวะเสร็จ ซึ่งมักเกิดจากโรคประจำตัวที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะขับปัสสาวะออกมาไม่หมดเมื่อเข้าห้องน้ำ
ภาวะที่หยุดไม่ให้กระเพาะปัสสาวะขับปัสสาวะออกจนหมด ได้แก่:
-
ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการปัสสาวะ (Neurogenic bladder): หากระบบประสาทดังกล่าวที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับระบบประสาทถูกทำลาย ตัวอย่างเช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือ การบาดเจ็บไขสันหลัง (Spinal injury) กระเพาะปัสสาวะจะไม่ขับปัสสาวะออกจนหมด
-
ต่อมลูกหมากโต (Prostate enlargement): หากต่อมลูกหมากเกิดโตขึ้นมา มันจะไปกดท่อปัสสาวะและเป็นเหตุให้ไปขัดขวางทางเดินของปัสสาวะ เกิดปัสสาวะตกค้างในกระเพาะปัสสาวะ
-
อุปกรณทางการแพทย์: การใส่สายสวนสามารถทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ โดยใส่สายสวน หรืออุปกรณ์การแพทย์อื่นๆเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ
-
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ: การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือการฉายแสงบำบัดทำให้กระเพาะปัสสาวะขยายใหญ่ขึ้นได้
-
นิ่วในไต (Kidney stones): นิ่วในไตสามารถเคลื่อนลงมาที่ท่อไต และหากมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะผ่านไปได้ ก้อนนิ่วจะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะและเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันได้ โดยนิ่วในไตพบได้บ่อยกว่านิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
-
ถุงน้ำในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder diverticula): ถุงสามารถก่อตัวขึ้นภายในกระเพาะปัสสาวะ หากถุงดังกล่าวมีขนาดใหญ่ขึ้นมาจะสามารถกลั้นปัสสาวะและป้องกันไม่ให้กระเพาะปัสสาวะระบายปัสสาวะออกจนหมดได้
-
กระเพาะปัสสาวะหย่อน (Cystocele): ในผู้หญิง ผนังกระเพาะปัสสาวะจะอ่อนแอและหย่อนลงไปในช่องคลอด ซึ่งอาจส่งผลต่อการไหลของปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
ด้านล่างเป็นปัจจัยบางประการที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ:
- อายุและเพศ: เพศชายมักเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้มากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากขึ้น
- อัมพาต: ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงที่กระดูกสันหลังและสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อในบริเวณอุ้งเชิงกรานจะไม่สามารถขับปัสสาวะจนหมดกระเพาะปัสสาวะได้
- การอุดตันภายนอกกระเพาะปัสสาวะ: บางภาวะที่ไปขัดขวางการไหลของปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะสู่ภายนอกนั้น มีไม่กี่วิธีที่สามารถขัดขวางกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปคือต่อมลูกหมากโต
- การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะเทียม: เป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่งที่รักษาภาวะปัสสาวะเล็ดในผู้หญิงที่อาจนำไปสู่การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้
ภาวะแทรกซ้อน
แม้ว่านิ่วในกระเพาะปัสสาวะบางชนิดจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ก็ยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หากไม่ได้เอานิ่วออก ภาวะแทรกซ้อนหลักสองประการคือ:
-
ความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะเรื้อรัง: การปัสสาวะบ่อยๆ ที่ปวดและไม่สุขสบาย บางครั้งนิ่วในกระเพาะปัสสาวะสามารถอุดกั้นไม่ให้ปัสสาวะออกได้อย่างสมบูรณ์
-
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ: การติดเชื้อซ้ำ
การตรวจและวินิจฉัย
การวินิจฉัยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะรวมถึงการตรวจทดสอบต่างๆดังนี้:
-
การตรวจร่างกาย: แพทย์จะวางมือบนท้องส่วนล่างเพื่อตรวจว่ากระเพาะปัสสาวะใหญ่ขึ้นหรือไม่ อีกทั้งอาจตรวจทางทวารหนักเพื่อตรวจหาต่อมลูกหมากโต
-
การตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ: การเก็บตัวอย่างปัสสาวะส่งตรวจหาสัญญาณของเลือด, แบคทีเรีย และผลึกแร่ธาตุ
-
CT scanแบบเกลียว: CT scans จะประกอบไปด้วยการ X-ray ภาพที่หลากหลายเพื่อสร้างภาพอวัยวะภายในที่ละเอียด
-
อัลตราซาวด์: สร้างภาพโดยการส่งคลื่นเสียงสะท้อนไปในอวัยวะภายใน
-
X-ray: ไม่ใช่นิ่วในกระเพาะปัสสาวะทุกชนิดจะ X-ray แล้วเห็นภาพนิ่ว
-
การฉีดสารทึบรังสีเพื่อตรวจดูระบบทางเดินปัสสาวะ (Intravenous pyelogram): เป็นการฉีดสารพิเศษเข้าไปในหลอดเลือดดำ โดยสารจะผ่านไปยังไตและกระเพาะปัสสาวะ ระหว่างที่ดำเนินกระบวนการนี้ ก็จะมีการ X-ray เพื่อหาสัญญาณของนิ่วในไต
การรักษาโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
หากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะถูกพบในขณะที่มันยังมีขนาดเล็ก การดื่มน้ำมากๆจะสามารถช่วยให้ก้อนนิ่วผ่านออกมาได้ตามธรรมชาติ
หากมันมีขนาดใหญ่เกิดกว่าที่จะผ่านออกมากับปัสสาวะได้ การรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะโดยปกติจะทำให้ก้อนแตกออก หรือนำออกมาด้วยการผ่าตัด
การทำให้ก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะแตก
ในขั้นตอนนี้เรียกว่า Cystolitholapaxy แพทย์จะทำการสอดท่อบางๆโดยมีกล้องอยู่ที่ส่วนปลาย สอดเข้าไปในท่อปัสสาวะ (สอดจากปลายอวัยวะเพศชาย หรือช่องเหนือช่องคลอด) แพทย์จะเห็นภาพก้อนนิ่วผ่านท่อดังกล่าวและทำการสลายก้อนนิ่วได้
แพทย์จะใช้เลเซอร์, อัลตราซาวด์ หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กเพื่อสลายก้อนนิ่วก่อนที่จะล้าง(หรือดูดออกมา) ออกมา ขั้นตอนนี้จะดำเนินการภายใต้ยาระงับความรู้สึก
ภาวะแทรกซ้อนจากการทำ Cystolitholapaxy พบได้น้อย แต่สามารถเกิดการฉีกขาดของผนังกระเพาะปัสสาวะ และเกิดการติดเชื้อได้
การผ่าตัดเอาออก
หากก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่เกิดไปที่จะสลายได้ด้วยวิธี Cystolitholapaxy การผ่าตัดก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา ศัลยแพทย์จะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะโดยการผ่าหน้าท้องและเอานิ่วในกระเพาะปัสสาวะออก ในขั้นตอนการผ่าตัดใดๆก็มีความเสี่ยง ดังนั้น วิธี Cystolitholapaxy จึงเป็นตัวเลือกในการรักษาแรกเสมอ
การป้องกันโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
เนื่องจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดจากความเจ็บป่วยทางการแพทย์หลายอย่างจึงยังไม่มีวิธีป้องกันที่เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ดี หากบุคคลใดมีอาการปัสสาวะแปลกๆ เช่น ปวด ไม่สบายตัว มีเลือดออกเมื่อปัสสาวะ ควรรีบไปพบแพทย์ การดื่มของเหลวมากจะช่วยสลายนิ่วที่กำลังพัฒนาได้
บางคนที่ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจะรู้สึกว่ามีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะหลังจากปัสสาวะ ในกรณีเหล่านี้ควรพยายามปัสสาวะอีกครั้ง หลังจากปัสสาวะครั้งแรกประมาณ 10-20 วินาที สิ่งนี้เรียกว่า Double voiding จะสามารถช่วยป้องไม่ให้นิ่วก่อตัวได้
มีบางงานวิจัยรายงานว่าหากคุณมีต่อมลูกหมากโตอยู่แล้ว การนั่งลงเพื่อปัสสาวะจะช่วยให้แน่ใจว่ากระเพาะปัสสาวะได้รับการระบายปัสสาวะออกจนหมด สิ่งนี้จะช่วยป้องกัน หรือชะลอการสะสมของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
ประเด็นสำคัญบางประการของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและรายละเอียดเพิ่มเติมรวมไปถึงข้อมูลสนับสนุนอยู่ในบทความหลัก
-
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมักเกิดในชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
-
โรคประจำตัวมักเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
-
อาการของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เช่น สีปัสสาวะเปลี่ยนไป และปวดเวลาปัสสาวะ
-
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดน้อยในผู้หญิง
-
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นสาเหตุของการเกิดเลือดออกปนมากับปัสสาวะ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก