เยื่อบุตาอักเสบคืออะไร
การที่เยื่อบุตาเกิดการอักเสบ (Conjunctivitis) จะทำให้ดวงตาจะกลายเป็นสีแดง บวม และระคายเคือง อาจเกิดเยื่อเมือกขึ้นภายในดวงตา โรคตาแดงจึงมีโอกาสติดต่อกันผ่านการสัมผัสได้สูงมาก
เยื่อบุตาประกอบไปด้วยเซลล์หรือผนังชั้นบางๆ ซึ่งถูกปกป้องด้วยเปลือกตา
การอักเสบเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดเล็กๆ หรือหลอดเลือดฝอยภายในเยื่อบุตาเห็นเด่นชัดขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดอาการไม่สบายภายในดวงตา ตาจะเป็นสีชมพูหรือสีแดงเป็นระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น
สาเหตุหลักเกิดจากการระคายเคือง คืออาการแพ้ และการติดเชื้อ ซึ่งบทความนี้เราจะมุ่งประเด็นไปที่การติดเชื้อของโรคตาแดง
ประเภทของเยื่อบุตาอักเสบ
มีหลายวิธีในการจำแนกชนิดของเยื่อบุตาอักเสบ
แบ่งตามสาเหตุ ดังนี้ :
-
เยื่อบุตาอักเสบจากสิ่งระคายเคืองหรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ : สารที่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เช่น มลภาวะ, คลอรีน, สิ่งแปลกปลอม, สิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองตาและการอักเสบ
-
เกิดจากการติดเชื้อ : แบคทีเรีย หรือไวรัส ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
แบ่งตามความรุนแรง
-
เยื่อบุตาอักเสบชนิดเฉียบพลัน : มักมีอาการประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรืออาจจะ 3-4 สัปดาห์
-
เยื่อบุตาอักเสบชนิดเรื้อรัง : มีอาการมากกว่า 4 สัปดาห์
อาการของเยื่อบุตาอักเสบ
ลักษณะและอาการส่วนใหญ่เป็นดังนี้
-
โรคเยื่อบุตาอักเสบ มักขึ้นอยู่กับการระคายเคือง และการขยายตัวของหลอดเลือดแดงภายในเยื้อบุตา
-
มีสารคัดหลั่งภายในตา
-
ตาแฉะ เนื่องจากต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาออกมามากกว่าปกติ
-
ขี้ตาเหนียว เกาะขนตาเยอะมาก โดยเฉพาะเวลาตื่นนอน
-
ปวดตา รู้สึกไม่สบายภายในดวงตา
-
ตาบวม เนื่องจากการอักเสบ
-
รู้สึกคันตา, ร้อน หรือระคายเคืองตา
-
ไม่สบายตาเมื่อใส่คอนแทคเลนส์
หากเกิดจากการติดเชื้อ อาการตาแดงจะแสดงที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงลุกลามไปที่ตาอีกข้าง
หากเกิดจากสิ่งระคายเคือง เช่น ฝุ่น อาการตาแดงจะแสดงที่ตาทั้งสองข้างพร้อมกัน
ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดโรค บางคนมีอาการคล้ายเป็นหวัด เช่น
-
มีไข้
-
ปวดชายโครง
ซึ่งมักเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อ
ทารกที่เป็นเยื่อบุตาอักเสบ
ในเด็กทารกมักเป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบ โดยอาการส่วนใหญ่ได้แก่ ตาแดง ตาบวม และเปลือกตาบวม
การรีบไปพบแพทย์จะสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น สามารถวิเคราะห์และให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที
เยื่อบุตาอักเสบเป็นโรคติดต่อหรือไม่
เยื่อบุตาอักเสบเป็นผลมาจากการติดเชื้อ สามารถติดต่อกันได้ คนเราสามารถรับเชื้อได้จาก
-
การสัมผัสกัน เช่น การจับมือกันแล้วไปสัมผัสที่ดวงตา
-
ละอองฝอยภายในอาการ เนื่องจากการไอจาม
-
การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อติดอยู่ แล้วไปสัมผัสดวงตา
เยื่อบุตาอักเสบส่วนใหญ่จึงเกิดจากการติดต่อในระหว่างที่มีอาการ คนที่เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบจึงควรอยู่บ้านขณะที่เป็นโรค
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ เมื่อเชื่อว่าเกิดการติดเชื้อที่ดวงตา
เราควรรีบเข้ารับการแนะนำเมื่อ
-
อาการปวดตารุนแรงขึ้น
-
การมองเห็นเปลี่ยนไป
-
ตาแพ้แสงหรือไวต่อแสง
-
ดวงตาแดงเข้มขึ้น ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
-
ดวงตารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ภายใน
-
ปวดศีรษะรุนแรงและรู้สึกไม่สบาย
อาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะของโรคที่รุนแรงขึ้นได้
สาเหตุของเยื่อบุตาอักเสบ
โรคเยื่อบุตาอักเสบมักมีสาเหตุมาจากทั้งสิ่งก่อให้เกิดการแพ้ หรือการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย
โดยร้อยละ 80 มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส ได้แก่
-
อะดิโนไวรัส (Adenoviruses)
-
เริม (Herpes viruses)
-
เอนเทอโรไวรัส (Enteroviruses)
ส่วนสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่
-
เชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)
-
เชื้อสแตฟิโลค็อกคัส นิวโมนิอี (Streptococcus pneumoniae)
-
เชื้อฮีโมฟิลัส อินฟูเอนซ่า (Haemophilus influenza)
เยื่อบุตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย บางครั้งติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อคลามีเดีย (Chlamydia)
เชื้อโควิด-19 สามารถทำให้เกิดตาแดงได้หรือไม่
เมื่อ กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2020 มีรายงานว่า พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด19 แสดงอาการของโรคตาแดงเพียงอย่างเดียว จึงสัญนิฐานว่า อาจเป็นสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด19
แม้ว่าเชื้อโคโรน่าจะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคตาแดง และนักวิทยาศาสตร์ยังต้องการการวิจัยที่มากกว่านี้เพื่อประกอบการตัดสิน ว่าโรคตาแดงเป็นอาการอย่างหนึ่งของการติดเชื้อโควิด19
สาเหตุของโรคเยื่อบุตาอักเสบในเด็กทารก
โรคตาแดงในเด็กแรกเกิดมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ, การระคายเคือง หรือต่อมน้ำตาอุดตัน ซึ่งสาเหตุทั้งหมดมีอาการคล้ายกัน
-
แบคทีเรีย หรือไวรัส สามารถนำไปสู่การติดเชื้อ โดยมักติดเชื้อระหว่างการคลอด แม้ว่ามารดาจะไม่มีอาการก็ตาม
-
การติดเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่เกิดจาก เชื้อหนองใน (Neisseria gonorrhoeae) ที่ทำให้เกิดโรคหนองใน, เชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) ส่วนเชื้อไวรัส ได้แก่ เริมที่อวัยวะเพศ แต่เกิดได้น้อย
เยื่อบุตาอักเสบในเด็กทารก มักได้รับการป้องกันการติดเชื้อ โดยการให้ยาหยอดตาทั้งสองข้าง ภายหลังการคลอด ทำให้อาการตาแดงจะหายไปเองภายใน 24-36 ชม.
สาเหตุอื่นของเยื่อบุตาอักเสบ
-
เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis)
-
ต้อหินเฉียบพลัน (Acute glaucoma)
-
กระจกตาอักเสบ (Keratitis)
-
ม่านตาอักเสบ (Iritis)
ซึ่งบางอาการอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หากท่านใดได้รับการรักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรกลับไปพบแพทย์
การวินิจฉัยเยื่อบุตาอักเสบ
-
ดูสัญญาณเตือนและอาการที่เกิดขึ้น
-
ซักประวัติ เช่น ประวัติโรคทางตา และการแพ้ต่างๆ
-
ในบางรายอาจทำการป้ายเชื้อส่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส
การรักษาเยื่อบุตาอักเสบ
การรักษาที่บ้าน มากกว่าครึ่งของผู้ที่ติดเชื้อโรคตาแดง สามารถหายได้เองภายใน 10วัน โดยไม่ต้องใช้ยา โดยแพทย์มักให้เฝ้าสังเกตุอาการและรอให้หายเอง
การดูแลตนเองที่บ้านสามารถทำได้ เพื่อช่วยลดอาการให้หายเร็วและกลับมาเป็นปกติได้ เช่น
-
ลดอาการปวดตา : ใช้ยาบรรเทาปวด Ibuprofen
-
เลี่ยงการสวมใส่คอนแทคเลนส์ : เพื่อลดอาการตาแดงที่เป็นอยู่ และทำการเปลี่ยนคอนแทคเลนส์, ภาชนะใส่เลนส์ และน้ำยาแช่เลนส์ใหม่
-
หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า : การแต่งหน้าอาจนำมาซึ่งการติดเชื้อที่ดวงตาได้ และควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่
-
การหยอดน้ำตาเทียม : จะช่วยลดอาการปวดตาลงได้
-
การใช้ผ้าชุปน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาเพื่อความสะอาด
-
การประคบอุ่น : เพื่อลดความไม่สบายตา
-
เลี่ยงการแพร่เชื้อ
-
เปลี่ยนปลอกหมอน และผ้าเช็ดตัวทุกวัน
-
เลี่ยงการสัมผัสดวงตาและใบหน้า
-
ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน
-
ล้างมือบ่อยๆ
-
ยารักษา
ส่วนใหญ่โรคเยื่อบุตาอักเสบมักหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา หากรายใดติดเชื้อจากไวรัส แพทย์มักแนะนำให้รักษาอาการที่บ้าน หากเกิดจากการแพ้หรือระคายเคือง ก็ควรเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการ
หากแพทย์สงสัยการติดเชื้อแบคทีเรีย ก็มักจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ในรูปของยาหยอดตา
การใช้ยาหยอดตา
ยาหยอดตาหรือยาป้ายตา ปริมาณในการใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของยา ในเด็กเล็กการใช้ยาป้ายตาจะสะดวกกว่า
เลี่ยงการสัมผัสตาภายหลังหยอดยา และไม่ใช้ยาหยอดตาร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจเป็นสื่อที่นำสู่การส่งต่อเชื้อแก่กัน
ภายหลังการหยอดยา การมองเห็นอาจจะเบลอเพียงช่วงระยะสั้นๆ
การป้องกัน
ควรลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อหรือการแพร่เชื้อของโรคตาแดง ได้แก่
-
ไม่สัมผัส หรือขยี้ตา
-
ล้างมือบ่อยๆ
-
ถอดคอนแทคเลนส์ทุกครั้งก่อนนอนและทำความสะอาดเลนส์ตามที่คู่มือระบุ
-
ทำความสะอาดแว่นตาอยู่เสมอ
-
ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว และเครื่องสำอาง
-
สวมแว่นตาว่ายน้ำทุกครั้งที่ลงสระน้ำ
การลดความเสี่ยงของสิ่งก่อการระคายเคืองและสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ของโรคตาแดง
-
อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท
-
หมั่นดูแลทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอ
-
หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันบุหรี่
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก