ผลกระทบจากมอร์ฟีน (Effects of Morphine Use)

ผลกระทบจากมอร์ฟีน (Effects of Morphine Use)

09.09
20219
0

มอร์ฟีน Morphine คือยาแก้ปวดในกลุ่มโอปิออยด์ที่สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเมื่อมีการใช้ไปในทางที่ผิด ซึ่งรวมถึงการหายใจลำบาก ไตวายและภาวะความดันโลหิตต่ำ

ความเข้าใจเกี่ยวกับมอร์ฟีนและผลกระทบ

สารสกัดจากฝิ่นที่พบได้ในต้นฝิ่น มอร์ฟีนคือหนึ่งในยาแก้ปวดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยาโอปิออยด์คือยาที่ใช้รักษาอาการปวดตั้งแต่ปานกลางจนถึงขั้นรุนแรง มอร์ฟีนมักใช้การฉีดโดยเข็มฉีดยาหรือการให้ผ่านทางสายน้ำเกลือในโรงพยาบาลหรือโดยแพทย์สั่งและใช้ในรูปแบบของยาเม็ดชนิดรับประทานในคนไข้นอก 

มอร์ฟีนทำงานโดยไปจับกับโอปิออยล์รีเซพเตอร์ที่อยู่ในสมองและระบบประสาทเมื่อความรู้สึกของร่างกายและการตอบสนองต่อความเจ็บปวด เมื่อรับประทานเข้าไปตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและไปยังอวัยวะทั่วร่างกายตรงบริเวณที่มีตัวยับยั้งตัวรับเฉพาะของระบบประสาท และเกิดปฏิกิริยาโดยจะไปปิดกั้นความปวดและทำให้เกิดโดพามีนท่วมท้นร่างกาย ซึ่งรวมถึงภาวะเคลิบเคลิ้มด้วย ทำให้หลายๆคนมักจะใช้มอร์ฟีนไปในทางที่ผิดเพราะผลจากความพึงพอใจหรือยาทำให้เกิดอาการ “เมายา” ทุกครั้งที่มีการใช้โดยปราศจากแพทย์สั่ง มอร์ฟีนสามารถเข้าถึงได้และง่ายต่ออการครอบครอง ซึ่งยิ่งทำให้อัตราการใช้ยานี้สูงขึ้น

ผลกระทบจากการใช้มอร์ฟีนคืออะไร 

นอกเหนือจากการนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดแล้ว มอร์ฟีนยังคงเป็นสาเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการด้วยเช่นกันอาการที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผลกระทบทั่วๆไปที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่คือ:

เหมือนกับยาที่ต้องมีใบแพทย์สั่งทุกชนิด คนที่รับประทานมอร์ฟีนอาจต้องการปริมาณยาโดสที่สูงเพื่อควบคุมความเจ็บปวดเมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน ยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายก็จะยิ่งต่อต้านยามากขึ้น และทำให้ต้องใช้ในปริมาณมากขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในระดับเท่าเดิม คนที่มีอาการปวดเรื้อรังที่ต้องใช้มอร์ฟีนอาจเริ่มมีการเสพติดยาทางกาย ซึ่งนั้นหมายความว่าจะเกิดอาการเลิกยาเมื่อตั้งใจจะหยุดการใช้ยา ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย สิ่งแวดล้อม ยีนและปัจจัยทางสังคม การใช้ยาอย่างอิสระทำให้เกิดการเสพติดซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้ที่ใช้ยาจะต้องใช้ยาต่อไปถึงแม้ว่าจะส่งผลด้านลบกับสุขภาพแล้วก็ตาม

อาการใช้มอร์ฟินในทางที่ผิดอาจรวมถึงอาการเช่น:

  • รูม่านตาหดตัว
  • การตอบสนองลดลง
  • มีไข้
  • ความกระหายเพิ่มขึ้น
  • บวม
  • กล้ามเนื้อกระตุก
  • อยากยา

Effects of Morphine Use

อาการเสพติดมอร์ฟีนเช่น:

  • รับมอร์ฟีนจำนวนมากขึ้นหรือรับมอร์ฟีนเป็นระยะเวลานานขึ้น ยากที่จะต้านทานความอยากยา หรือไม่สามารถลดทอนหรือควบคุมการใช้มอร์ฟีนได้
  • ต้องใช้เวลาไปกับการจัดการหรือใช้มอร์ฟีนหรือฟื้นฟูจากผลกระทบที่มี
  • มีแรงกระตุ้นหรือแรงปรารถนาอย่างรุนแรงในการใช้มอร์ฟีนทำให้
  • เกิดปัญหาในหน้าที่การงานทั้งที่ทำงาน ที่โรงเรียนหรือที่บ้าน
  • มีปัญหาทางสังคม มนุษยสัมพันธ์ ทางร่างกายหรือทางจิตใจต่อการ
  • ยอมรับหรือลดรูปแบบการทำกิจกรรมลงเพราะการใช้มอร์ฟีน
  • ต่อต้านหรือต้องการปริมาณมอร์ฟีนมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เท่าเดิม

คนที่ใช้มอร์ฟีนไปในทางที่ผิดหรือเสพติดมักจะได้รับผลข้างเคียงที่อันตรายจากยา โดยเฉพาะคนที่ใช้ในปริมาณสูงหรือฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำ หนึ่งในความเสี่ยงที่มีมากที่สุดจากการใช้ยาไปในทางที่ผิดก็คือการใช้ยาเกินขนาด ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการโคม่าและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ปริมาณมอร์ฟีนที่มีมากเกินไปจะทำให้การหายใจช้าลงซึ่งทำให้ออกซิเจนถูกกีดกั้นและส่งผลให้สมองเสียหาย

อาการของการใช้มอร์ฟีนเกินขนาด

มาร์ฟีนเกินขนาดมักเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจในการใช้ที่มากเกินไป เพราะความทนทานต่อมอร์ฟีนเกิดขึ้นเร็วมาก คนที่ใช้ยามอร์ฟีนผิดประเภทจะเริ่มใช้ยาปริมาณที่สูงจนเกิดอันตรายได้ง่ายกว่าคนที่ใช้ยาอื่นๆ ดังนั้นจึงเพิ่มความเสี่ยงสูงในการใช้ยาเกินขนาด การใช้ยากดประสาทร่วมกับการทำให้ความสามารถของระบบประสาทช้าลงจะส่งผลต่อการทำงานพื้นฐานของร่างกายเช่น การหายใจและการสูบฉีดเลือดสู่อวัยวะต่างๆ การใช้มอร์ฟีนร่วมกับสารกระตุ้นอื่นๆเช่นโคเคน ซึ่งมีอันตรายมากขึ้น สาเหตุอื่นๆของการใช้ยาเกินขนาดเกิดจากการบริโภค มอร์ฟีนบดจะไปลดการออกฤทธิ์ของยา ส่งผลให้มอร์ฟีนออกฤทธิ์เร็วขึ้น ทำให้มีการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเป็นอันตรายมากขึ้น

คนที่เคยมีอาการดังกล่าวมาก่อนควรหยุดการใช้มอร์ฟีนและรีบพบแพทย์ฉุกเฉิน:

  • หายใจลำบาก
  • อัตราการเต้นหัวใจต่ำ
  • เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง
  • มีไข้
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • หมดสติ
  • เซื่องซึมอย่างรุนแรง
  • ง่วงนอนมาก
  • ผิวนังแตกลอกหรือเปียกชื้น
  • คอหรือใบหน้าบวม
  • ชัก
  • รูม่านตาหดเล็ก
  • พูดไม่ชัด
  • ริมฝีปากและเล็บมือเปลี่ยนเป็นสีม่วง 

เมื่อมีการใช้มอร์ฟีนเกินขนาดควรรีบพบแพทย์ฉุกเฉิน ควรส่งให้แพทย์ตรวจดูสัญญานที่จำเป็นเช่นการหายใจ ชีพจรและความดันเลือดเพื่อรักษาอาการที่จำเป็น หนึ่งในผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุดจากการใช้ยาเกินขนาดคือการกดการหายใจที่อันตรายถึงแก่ชีวิต ดังนั้นการหายใจจึงเป็นสิ่งที่ต้องคอยเฝ้าติดตามตลอดช่วงเวลาที่เกิดอาการ การหายใจบกพร่องอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ออกซิเจน การสอดใส่ท่อหายใจหรืออาจต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ หากภาวะการกดการหายใจไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจนำมาซึ่งระบบการหายใจล้มเหลวและถึงแก่ชีวิตได้

ผลกระทบจากการใช้มอร์ฟีนในระยะยาว

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้มอร์ฟีนในทางที่ผิดในระยะยาวมีมากมายหลายอย่าง ในขณะที่บางคนอาจแค่รู้สึกไม่สบายตัวเช่นมีไข้และขึ้นลมพิษ อาการอันตรายอื่นๆและจะเกิดอันตรายที่เสียหายได้. ตัวอย่างเช่น คนหลายคนใช้มอร์ฟีนพบว่าตัวเองมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในการเกิดจุลชีพที่เป็นเชื้อโรคเช่นเอชไอวี เพราะคนส่วนใหญ่ที่มักใช้ยาไปในทางที่ผิดหรือใช้ยาด้วยการฉีดเข้าเส้น บางครั้งมีการใช้เข็มร่วมกัน ทำให้โอกาสในการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่นเอชไอวีและไวรัสตับอักเสบบี หลายๆคนที่ใช้มอร์ฟีนไปในทางที่ผิดมักเคยเจอกับภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องและภาวะความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง โอปิออยด์จะไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่อยู่นอกจิตใจคือลักษณะของการใช้ปริมาณยาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

อาการระยะยาวอื่นๆจากการใช้มอร์ฟีนคือ:

  • การกดการหายใจ
  • ความจำมีปัญหา
  • รอบเดือนผิดปกติ
  • วิตกกังวล
  • ท้องผูกอย่างรุนแรง
  • การนอนหลับมีปัญหาเรื้อรัง
  • หมดความต้องการทางเพศ
  • การทำงานประสานงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง
  • ระบบเผาผลาญลดลง
  • ร่างกายอ่อนแอ
  • ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงตา

สิ่งนี้เป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อมีการใช้มอร์ฟีนในปริมาณสูงและเรื้อรัง มีการใช้ในระยะเวลานาน มอร์ฟีนจึงควรใช้โดยมีใบสั่งจากแพทย์เท่านั้นและห้ามใช้ไปในทางที่ผิด

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *