การได้รับวัคซีนไข้หวัดจะช่วยป้องกันคุณจากอาการที่ย่พแย่จากไข้หวัด ถึงแม้การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่ก็มีความคุ้มค่าในการฉีด
วัคซีนที่นำมาใช้ฉีดมักจะนำเสนอว่าสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จากไวรัสได้สามหรือสี่สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่คาดว่าจะมีการแพร่กระจายในฤดูกาลนั้น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีปริมาณยาสูง (Fluzone High-Dose Quadrivalent) รวมถึงสารเสริมฤทธิ์วัคซีน (Fluad Quadrivalent) มีความเหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
ไข้หวัดใหญ่คือการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิกภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงไข้หวัดใหญ่ในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด การได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ – ไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100%- คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันความทุกข์ทรมานของโรคไข้หวัดและอาการแทรกซ้อน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีสำหรับทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ต่อไปนี้คือคำตอบจากคำถามที่พบทั่วไปเกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัด
ควรฉีดวัคซีนเมื่อไร
วัคซีนจะใช้เวลาในการสร้างภูมิราวสองสัปดาห์หลังการฉีดวัคซีน แต่คุณสามารถได้รับประโยชน์จากวัคซีนได้แม้คุณจะยังไม่ได้รับจนกระทั่งหลังฤดูไข้หวัดเริ่มแล้วก็ตาม ช่วงเวลาที่ดีทีสุดสำหรับชาวอเมริกันในการฉีดวัคซีนคือช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม และตั้งเป้าว่าต่องฉีดให้เสร็จเรียบร้อยก่อนสิ้นเดือนตุลาคม แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถปกป้องตัวเองกับการระบาดของโรคไข้หวัดถึงช่วงท้ายได้หากคุณได้ฉีดวัคซีนในเดือนกุมภาพันธุ์หรือหลังจากนั้น
ทำไมจึงควรฉีดวัคซีนทุกปี
เพราะไวรัสไข้หวัดมีการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว วัคซีนของปีที่ผ่านมาอาจไม่สามารถป้องกันไวรัสของปีนี้ได้ วัคซีนไข้หวัดตัวใหม่จะถูกปล่อยมาทุกๆปีเพื่อตามให้ทันกับไวรัสไข้หวัดที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อคุณได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ระบบภูมิต้านทานจะสร้างแอนติบอดี้เพื่อปกป้องคุณจากการติดเชื้อไวรัสที่รวมมาในวัคซีน แต่ระดับแอนติบอดี้อาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป – และนี่คืออีหนึ่งเหตุผลที่เราต้องฉีดวัคซีนทุกๆปี
คนที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนคือใครบ้าง
ทาง CDC ได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนประจำปีสำหรับทุกคนที่อายุตั้งแต่ 6 เดือนเป็นต้นไป การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยเฉพาะในคนที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งรวมไปถึง:
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้สูงอายุ
- เด็กเล็ก
เด็กที่อายุระหว่าง 6 เดือนถึง 8 ปีอาจต้องได้รับวัคซีนไข้หวัดจำนวนสองโดส โดยฉีดห่างกันอย่างน้อยสี่สัปดาห์ในการได้รับวัคซีนในครั้งแรก หลังจากนั้นก็สามารถรับวัคซีนไข้หวัดเพียงแค่โดสเดียว จากการศึกษาปี 2017 พบว่าวัคซีนสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตในเด็กจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างเห็นได้ชัดเจน
โรคประจำตัวเรื้อรังที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ เช่น
- หอบหืด
- โรคมะเร็งหรือกำลังรักษาโรคมะเร็ง
- โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง(COPD)
- โรคซิสติก ไฟโบรซิส
- โรคเบาหวาน
- โรคเอชไอวี/เอดส์
- โรคไตหรือตับ
- โรคอ้วน
ทุกคนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังควรฉีดวัคซีนไข้หวัดทุกคน
เช็คกับแพทย์ของคุณก่อนการฉีดวัคซีนหากพบว่า:
- คุณเคยมีปฏิกิริยาแพ้รุนแรงกับวัคซีนไข้หวัดมาก่อน วัคซีนไข้หวัดไม่แนะนำให้ฉีดในคนที่เคยแพ้วัคซีนไข้หวัดมาก่อน ตรวจสอบเรื่องนี้กับแพทย์ก่อนการฉีดเสมอ บางปฏิกิริยาอาจไม่ได้มีส่วนร่วมมาจากวัคซีน
หากคุณแพ้ไข่คุณก็จะยังคงสามารถฉีดวัคซีนได้
ตัวเลือกในการได้รับวัคซีนมีอะไรบ้าง
วัคซีนไข้หวัดมีให้เลือกทั้งแบบฉีดและแบบพ่นจมูก เมื่อไม่นานมานี้เองเริ่มมีข้อกังวลกันว่าวัคซีนชนิดพ่นจมูกอาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการต่อสู้กับไข้หวัดบางชนิด วัคซีนชนิดพ่นจมูกถูกคาดหวังว่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในปี 2020- 2021
วัคซีนชนิดพ่นจมูกได้ถูกพิสูจน์แล้วในคนที่อายุระหว่าง 2 ขวบ ถึง 49 ปี
วัคซีนไข้วัดแบบพ่นจมูกยังไม่ถูกแนะนำให้ใช้ในคนบางคน ซึ่งรวมถึง:
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ
- ผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป
- หญิงตั้งครรภ์
- เด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 17 ปีที่รับประทานยาแอสไพรินหรือหรือยาที่มีซาลิไซเลตเป็นส่วนประกอบ
- คนที่มีระบบภูมิต้านทานอ่อนแอPeople with weakened immune systems
- เด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 4 ขวบที่เป็นโรคหอบหืดหรือมีอาการหายใจมีเสียงวี๊ดในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
คนกลุ่มอื่นๆที่แนะนำให้เพิ่มความระวังในการใช้วัคซีนไข้หวัดแบบพ่นจมูก เช่น คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังบางชนิด ตรวจสอบกับแพทย์ก่อนการเลือกใช้วัคซีน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถส่งเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยการฉีดตามปกติเข้าที่กล้ามเนื้อแขน หากคุณมีอายุมากกว่า 65 ปีคุณอาจเลือกวัคซีนชนิดฉีดเข้าผิวหนัง หรือาจเลือกการรับวัคซีนแบบการใช้อุปกรณ์ jet injector device ซึ่งใช้ความดันสูง นำของเหลวเข้าแทรกซึมสู่ผิวหนังแทนการใช้เข็ม
วัคซีนจะทำให้เป็นไข้หวัดหรือโรคทางเดินหายใจหรือไม่
ไม่ วัคซีนไข้หวัดจะไท้ทำให้เกิดอาการไข้หวัด และไม่ไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคโควิด-19 แต่อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด – อาจมาจากการฉีดวัคซีน – หรือเหตุผลอื่น ซึ่งรวมไปถึง:
- ปฏิกิริยาต่อวัคซีน บางคนอาจเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและมีไข้สักหนึ่งหรือสองวันหลังได้รับวัคซีน อาจเป็นผลข้างเคียงของการที่ร่างกายผลิตแอนติบอดี้ขึ้นเพื่อการปกป้อง
- ช่วงระยะสองสัปดาห์ ผลกระทบจากการฉีดวัคซีนอาจอยู่ราวสองสัปดาห์ หากคุณได้รับเขื้อไข้หวัดใหญ่ช่วงก่อนกรือในระหว่างเวลานี้คุณก็อาจติดไข้หวัดได้
- ไวรัสไข้หวัดไม่เข้ากัน ในบางปี ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นอาจไม่ตรงกับวัคซีนที่เกิดขึ้นในปีนั้นๆ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นวัคซีนที่ฉีดไปก็จะมีประสิทธิภาพน้อย แต่ก็ยังคงสามารถป้องกันได้
- อาการเจ็บป่วยอื่นๆ อาการเช่น ไข้หวัดธรรมดา ก็ทำให้มีอาการคล้ายไ้หวัดใหญ่ได้ ดังนั้นคุอาจจะคิดเองว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้เป็น
วัคซีนไข้หวัดสามารถป้องกันอะไรได้บ้าง
การทำงานของวัคซีนสามารถป้องกันไข้หวัดได้หลายชนิด วัคซีนไข้หวัดใหญ่มักเกิดประสิทธิภาพต่อคนที่อายุไม่เกิน 65 ปี คนที่อายุเกินกว่านั้นและคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างอาจสร้างภูมิได้น้อยกว่าหลังได้รับวัคซีนไข้หวัด
จากการศึกษาพบว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ราว 50% ถึง 60% มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีอายุระหว่าง 18 ถึง 64 ปี ในบางครั้งวัคซีนก็อาจเกิดประสิทธิภาพได้น้อยได้น้อย
แม้แต่กับคนที่ได้รรับวีคซีนก็ยังไม่สามาถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่อาจทำให้อาการเจ็บป่วยมีความรุนแรงน้อยลง และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง รวมถึงอาการป่วยรุนแรงที่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันคุณจากโรคโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามการได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็สิ่งที่มีความสำคัญมากเป็นพิเศษในช่วงนี้เพราะไข้หวัดใหญ่และโควิด -19 มักมีอาการที่คล้ายคลึงกัน วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถช่วยลดอาการที่อาจสร้างความสับสนกับอาการของโควิด-19 การป้องกัรไข้หวัดและลดึวามรุนแรงจากอาการป่วยของไข้หวัดใหญ่ และการต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็ลดน้อยลง
เราสามารถลดความเสี่ยงไข้หวัดใหญ่ได้โดยไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือไม่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่คือด่านป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุด แต่เราสามารถเพิ่มเติมในการช่วยป้องกันตัวเองจากไข้หวัดใหญ่และไวรัสอื่นๆได้ ซึ่งรวมไปถึงโควิด-19 ด้วย ซึ่งมีดังต่อไปนี้:
- ล้างมือบ่อยๆและล้างให้ทั่วด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที
- ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดแอลกอฮอล์หากไม่สามารถหาสบู่และน้ำได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูกหรือปาก
- หลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนเมื่อมีการระบาดในพื้นที่ของคุณ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ป่วย
- ปิดปากด้วยกระดาษทิชชูหรือใช้ข้อศอกเวลาไอหรือจาม และจากนั้นให้ไปล้างมือ
- ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องมีการสัมผัสบ่อยๆอย่างเช่นเคาร์เตอร์ สวิชไฟหรือลูกบิดประตู เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากการสัมผัสพื้นผิวที่มีไวรัสอยู่และตรงไปจับที่ใบหน้า
- ฝึกรักษาความสะอาดให้เป็นนิสัย ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ รับประทานอาการที่ดีต่อสุขภาพและจัดการความเครียด
หากคุณเริ่มป่วยด้วยอาการไข้หวัดใหญ่ คุณสามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อด้วยการพักผ่อนอยู่บ้านและออกห่างจากผู้อื่น อยู่บ้านไปจนกว่าอาการไข้จะหายไปอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ในระหว่างมีการระบาดของโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ก็อาจมีการแพร่กระจายในช่วงเวลาเดียวกัน ทาง CDC แนะนำว่าให้เพิ่มความระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงทั้งโควิด-19หรือไข้หวัดใหญ่ เช่นมีระยะห่างทางสังคมเสมอ และอยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร เมื่อต้องออกไปนอกบ้าน คุณอาจจำเป็นต้องสวมหน้ากากผ้าเมื่ออกไปที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อยากที่จะอยู่แยกห่างจากคนอื่น
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่และภาวะแทรกซ้อน ปฏิบัติตามข้อระมัดระวังก็จะยิ่งช่วยป้องกันคุณจากไข้หวัดใหญ่และอาการโรคทางเดินหายใจอย่างอื่นได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.cdc.gov/flu/prevent/different-flu-vaccines.htm
- https://www.nhs.uk/conditions/vaccinations/flu-influenza-vaccine/
- https://www.medicinenet.com/flu_vaccination/article.htm
- https://kidshealth.org/en/parents/flu-vaccine.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก