อาการของโรคอ้วนลงพุง
ข้อมูลจาก AHA แพทย์มักจะวินิจฉัยว่าผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคระบบเผาผลาญบกพร่องคือผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้ 3 ข้อใน 5 ข้อ
- มีช่วงกลางของลำตัวที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นโรคอ้วนลงพุงโดยเฉพาะผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 40 นิ้วขึ้นไปและผู้หญิงที่รอบเอวมากกว่า 35 นิ้วขึ้นไป
- มีระดับน้ำตาลกลูโคสที่ปริมาณ 100 mg/dL หรือมากกว่า
- มีความดันเลือด 130/85 mm/Hg หรือมากกว่า
- มีระดับไตรกลีเซอร์ไรด์อยู่ที่ระดับ 150 mg/dL หรือมากกว่า
- มีปริมาณของคอลเลสเตอรอลชนิดไลโปโปรตีนหนาเเน่น (HDL) 40 mg/dL หรือน้อยกว่าในผู้ชายและ 50 mg/dL หรือน้อยกว่าในผู้หญิง
มีปัจจัยเสี่ยงอยู่ 3 ข้อหรือมากกว่านี้ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสามารถทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจได้เช่นหัวใจวายหรือเส้นเลือดอุดตันหัวใจและโรคเบาหวานชนิดที่สอง
การรักษา
การเริ่มต้นวินิจฉัยโรคมีจุดประสงค์เพื่อหาความเสี่ยงว่าบุคคลนั้นๆเสี่ยงเป็นโรคการเผาผลาญผิดปกติหรือไม่แต่ในการวินิจฉัยโรคนี้ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตมากกว่าการรักษาด้วยยา
ผู้ที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูง ความดันเลือดสูงและมีไขมันสะสมและมีระดับคอลเลสเตอรอลผิดปกติควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ป่วยจะได้รับยารักษาโรคอื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคระบบเผาผลาญผิดปกติเช่นยารักษาโรคความดันโลหิตสูงเมื่อพวกเขาได้เข้ารับการวินิจฉัยโรค
การลดน้ำหนักเเละสัดส่วนโดยเฉพาะร่างกายส่วนบนเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
วิธีการวัดที่เเนะนำเพื่อป้องกันเเละรักษาภาวะผิดปกติของระดับคอลเลสเตอรอลและการเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ
- ทานอาหาร “ที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ” ที่มีน้ำตาล ไขมันและโซเดียมต่ำ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮล
สถาบัน AHA เเนะนำว่าการออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยสามารถแบ่งออกเป็นครั้งละ 10 นาที การเดินเร็วเป็นวิธีเริ่มต้นออกกำลังกายที่ดี
การใช้ยารักษา
ถ้าหากเป็นการใช้ยารักษาโดยปกติแนะนำให้ใช้ยาเมทฟอร์มิน
การรักาาด้วยยาสามารถช่วยลดปัจจัยความเสี่ยงสูงบางกลุ่มโดยเฉพาะในผู้ที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสสูงและผู้ที่เป็นโรคอ้วนและไม่สามารถจัดการกับการทานอาหารหรือวิธีการใช้ชีวิตได้
ยาเมทฟอร์มินวางขายสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อทางการค้าดังต่อไปนี้
- ยา Fortamet
- ยา Glucophage
- ยา Glumetza
- ยา Riomet
การใช้ยาเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการสำหรับใช้ในการป้องกันผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานสูงเนื่องจากภาวะผิดปกติของระบบเผาผลาญ
อย่างไรก็ตามแพทย์ให้ยาเมทฟอร์มินเป็น “ยาที่ใช้นอกข้อบ่งใช้” เพื่อป้องกันโรคเบาหวานในผู้ที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสสูงและโรคอ้วนที่ผิดปกติ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานมีหลักฐานที่สนับสนุนการใช้ยาชนิดนี้
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2013 พบว่ายาเมทฟอร์มินสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ทั้งนี้การทานอาหารเเละการออกกำลังกายทำให้ “ผลลัพธ์ดีขึ้นเป็นสองเท่า”
การใช้ยาชนิดอื่นๆสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาภาวะการเผาผลาญที่ผิดปกติเหมือนกันเช่นการใช้ยาสแตนตินในผู้ที่มีระดับไขมันคอลเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) สูง
ยาลดความดันต่ำถูกนำมาใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง
ขอย้ำอีกครั้งว่าการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตและพยายามควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆเป็นวิธีป้องกันภาวะความผิดปกติของเผาผลาญได้
การเรียกคืนยาเมทฟอร์มินยังคงเลื่อนออกไป
การทานอาหาร
หลักการบริโภคอาหารต้านความดันโลหิตสูงถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาภาวะผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญโดยหลักการทานอาหารประเภทนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
หลักการบริโภคอาหารต้านความดันโลหิตสูงแนะนำให้ปฏิบัติตนด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
- จำกัดปริมาณการทานเนื้อหมูแดง โซเดียม อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันรวมทั้งหมดสูงรวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มีความหวาน
- ควรทานผักและผลไม้ ธัญพืช ปลาและถั่ว
หลักการบริโภคอาหารต้านความดันโลหิตสูงมุ่งเน้นเกี่ยวกับอาหารที่ควรบริโภทมากกว่าการลดปริมาณการบริโภคแคลลอรี่แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถทานอาหารที่มีจำนวนแคลอรี่ต่ำได้เช่นกัน
สาเหตุโรคอ้วนลงพุง
ภาวะผิดปกติของระบบการเาผลาญเกิดจากการสะสมปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังนั้นความผิดปกตินี้จึงไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว
แม้ว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุงหรือมีน้ำหนักเกินเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ แต่ในผู้ที่มีระดับไขมันคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงและมีความดันเลือดสูงรวมไปถึงมีภาวะเสี่ยงก่อนเป็นโรคเบาหวาน บุคคลเหล่านี้ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
ผู้ที่มีรอบเอวขนาดใหญ่และเป็นโรคอ้วนลงพุงมีความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจเเละหลอดเลือดสูง
ปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แก่ประวัติครอบครัวและชนชาติที่สามารถเพิ่มโอกาสทำให้เกิดความผิดปกติบางประการที่ก่อให้เกิดโรคได้
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ได้ทั้งหมด
การทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงรวมถึงการขาดการออกกำลังกายทำให้เกิดโรคอ้วนและปัญหาทางสุขภาพอื่นๆได้
อย่างไรก็ตามอาการอื่นเช่นภาวะดื้อต่ออินซูลินไม่จำเป็นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนหรือบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบเผาผลาญได้
ภาวะดื้อต่ออินซูลินเป็นภาวะผิดปกติของระบบการเผาผลาญและโรคอ้วนชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้เกิดโรคอื่นๆอีกด้วย ตัวอย่างเช่นโรคเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) โรคเกี่ยวกับไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮลและโรคไตวายเรื้อรัง
ปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับภาวะความผิดปกติของระบบเผาผลาญ ภาวะดื้อต่ออินซูลินและภาวะความดันโลหิตสูงได้แก่การติดเชื้อและการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจเเละหลอดเลือดได้เช่นกัน
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.nhs.uk/conditions/metabolic-syndrome/
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/metabolic-syndrome/symptoms-causes/syc-20351916
- https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/metabolic-syndrome
- https://www.healthline.com/health/metabolic-syndrome
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก