ผิวซีด (Pale) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ผิวซีด (Pale) : อาการ สาเหตุ การรักษา

22.11
36434
0

ผิวซีด (Pale) หมายถึงสีผิวมีความสว่างมากกว่าปกติหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าผิวขาวซีด ซึ่งอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่มีสีผิวแบบใดก็ตาม 

สำหรับผู้ที่มีอาการหน้าซีดอาจทำให้บริเวณฐานเล็บมีผิวสว่างขึ้นหรือกลายเป็นสีขาว นอกจากนี้ยังทำให้สีของริมฝีปาก เหงือกและลิ้นเปลี่ยนไปด้วย 

อาการหน้าซีดเกิดขึ้นเนื่องจากสารสีแดงของเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินที่ผิวหนังบนใบหน้ามีออกซิเจนไม่เพียงพอ ฮีโมโกลบินคือโปรตีนที่อยู่ในเซลล์เม็ดเลือดเเดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้ระดับฮีโลโกลบินลดลง 

อาการผิวซีดมีความแตกต่างจากระดับเม็ดสีผิวที่ลดลง

บางกรณีผิวซีดอาจเป็นโรคทางพันธุกรรมเช่นโรคผิวเผือกและโรคผิวด่างที่ส่งผลต่อเม็ดสีผิว นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิวอาจเกิดจากความเสียหายของผิวหนังเช่นผิวไหม้หรืออาการบาดเจ็บซึ่งในกรณีนี้มีความเกี่ยวข้องกับเซลล์ที่ทำให้เกิดสีผิวที่ชื่อว่าเซลล์เมลาโนไซต์ 

Pale

สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการผิวซีด 

โรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจางหมายถึงกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากภายในเลือดมีเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีสุขภาพดีไม่เพียงพอ ในเซลล์เม็ดเลือดเเดงประกอบไปด้วยฮีโมโกลบินที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน ถ้าหากฮีโมโกลบินมีออกซิเจนไม่เพียงพอส่งผลทำให้เกิดอาการซีดได้

ภาวะโลหิตจางประเภทขาดธาตุเหล็กเป็นประเภทของโรคโลหิตจางที่พบส่วนใหญ่ ซึ่งเกิดในคนที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ โดยสามารถเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ตามปกติหรือเมื่อมีเลือดออกจนทำให้ปริมาณธาตุเหล็กลดลง   

โรคโลหิตจางชนิดอื่นๆได้แก่

  • โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อเกิดขึ้นเมื่อกระดูกไขสันหลังหยุดผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • การแตกตัวของเม็ดเลือดแดงเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลายโดยม้ามหรือกระเเสเลือด
  • โรคโลหิตจางแบบซิกเคิลเซลล์เป็นโรคเกี่ยวกับพันธุกรรมที่ทำให้เม็ดเลือดไม่สมบูรณ์ 

โรคบางชนิดอย่างเช่นโรคมะเร็งสามารถทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้เช่นกัน และอาจมีอาการรุนเเรงมากขึ้นหลังจากมีเลือดออกมาก 

สำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางอาจรู้สึกเหนื่อยและหายใจสั้น ซึ่งโรคโลหิตจางจำเป็นต้องรักษาโดยเเพทย์ ดังนั้นผู้ใดที่สังเกตุพบอาการโลหิตจาง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

เลือดออก

อาการเลือดออกทุกประเภททำให้ธาตุเหล็กที่กักเก็บอยู่ในร่างกายและเซลล์เม็ดเลือดเเดงลดลงจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการผิวซีด 

อาการเลือดออกที่รุนเเรงอย่างมากเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการตัวซีดจึงควรไปพบเเพทย์ทันที ถ้าหากผู้ป่วยยังคงมีอาการเลือดไหลไม่หยุดอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ดังนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ตัวอย่างของอาการเลือดออกที่สามารถทำให้เกิดอาการผิวซีดมีดังต่อไปนี้ 

  • ผู้ที่เป็นประจำเดือนโดยมีเลือดไหลออกเต็มแผ่นผ้าอนามัย 1 แผ่นต่อ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่า 2 ชั่วโมง 
  • มีภาวะตกเลือดอย่างหนักหลังคลอด
  • มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารซึ่งเป็นผลมาจากอาการบาดเจ็บหรือมีแผลในกระเพาะอาหาร 
  • มีเลือดออกที่อวยวะภายในเนื่องจากอาการบาดเจ็บ 
  • มีเลือดออกเนื่องจากการผ่าตัดศัลยกรรม 

การขาดแคลนวิตามิน

ภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนเเรงสามารถทำให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดได้ยากมากขึ้นทำให้เกิด อาการตัวซีด ผิวซีด

ภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินเกิดขึ้นในคนที่มีระดับวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอหรือเรียกว่าภาวะขาดแคลนโฟเลต สำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางประเภทนี้จะมีอาการผิวขาวซีดและรู้สึกเหนื่อยมาก

ภาวะขาดเเคลนวิตามินบี 12 สามารถเกิดขึ้นเมื่อระบบทางเดินอาหารไม่สามารถดูดซึมวิตามินได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 

แพทย์สามารถทำการวินิจฉัยด้วยการทดสอบว่าผู้ป่วยมีภาวะขาดเเคลนวิตามินหรือไม่ ในขณะที่ผู้ป่วยสามารถทานวิตามินเป็นอาหาเสริมได้ แต่อย่างไรก็ตามการเกิดภาวะขาดเเคลนสารอาหารบางประเภทมีสาเหตุเกิดจากการดูดซึมอาหารมากกว่าภาวะขาดเเคลนสารอาหาร สำหรับผู้ใดก็ตามที่สังเกตุว่ามีอาการของภาวะขาดเเคลนวิตามิน ควรไปพบเเพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคต่อไป 

การติดเชื้อ

มีการติดเชื้อหลายประเภทที่ทำให้เกิดอาการตัวซีดได้ 

หนึ่งในการติดเชื้อที่ร้ายเเรงมากที่สุดคือการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เกิดขึ้นเมื่อมีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระเเสเลือดและถ้าหากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเเล้วจะทำให้เกิดอาการผิวซีดได้ โดยการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเเสเลือดจำเป็นต้องรักษาทันที โดยส่วนใหญ่มักรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเเละนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล 

นอกจากนี้อาการผิวซีดอาจมีสาเหตุดังต่อไปนี้ 

  • เกิดการติดเชื้อเช่นเป็นไข้หวัด
  • มีไข้
  • เกิดการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจส่งผลทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ 

ความเหนื่อยล้า

ภาวะอ่อนเเรงเเละเหนื่อยล้าทำให้มีอาการผิวซีดได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลจากงานวิจัยยังไม่พบส่วนที่เกี่ยวข้องกัน ผู้เขียนงานวิจัยปี 2013 ระบุว่าอาการอ่อนล้าสามารถทำให้เกิดอาการตาเเดงและตาโปนได้ 

สำหรับอาการอ่อนล้าหมดเเรงในบางกรณีโดยเฉพาะอาการอ่อนล้ารุนเเรงอาจเป็นอาการของโรคบางชนิดอย่างเช่นโรคโลหิตจาง

ปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ

ความผิดปกติของการหายใจเช่นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เป็นสาเหตุทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลงและทำให้เกิดอาการผิวซีด

ความผิดปกติของการหายใจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับออกซิเจนได้อย่างเพียงพอ ซึ่งส่งผลทำให้เกิดอาการผิวซีด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคมะเร็งปอดเป็นตัวอย่างของโรคที่ทำให้เกิดอาการผิวซีด

ภาวะหายใจสั้นที่เกิดจากโรคหอบหืดเฉียบพลันหรืออาการเเพ้รุนเเรงสามารถทำให้เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีผิวสีฟ้าเกิดขึ้นร่วมด้วยซึ่งเรียกอาการนี้ว่าอาการผิวเขียวคล้ำเนื่องจากการขาดออกซิเจน 

อาการหายใจลำบากที่รุนเเรงทำให้เกิดภาวะผิวซีดได้เนื่องจากผู้ป่วยได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจนภายใต้การดูแลของแพทย์

สำหรับผู้ใดก็ตามที่เคยมีอาการหายใจลำบากเฉียบพลันควรได้รับการรักษาทางทีมแพทย์โดยทันที

ความผิดปกติทางพันธุกรรม

เป็นส่วนน้อยมากที่ความผิดปกติทางพันธุกรรมส่งผลกระทบต่อเซลล์เม็ดเลือดเเดงหรือฮีโมโกลบินโดยเฉพาและทำให้เกิดอาการผิวซีดเรื้อรัง โดยทั่วไปเเล้วผู้ป่วยจะมีผิวซีดตลอดชีวิต 

หนึ่งในความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้แก่ผู้ที่ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในเพศชายและทำให้เม็ดเลือดแดงสลายตัวถาวรส่งผลทำให้เกิดภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีผิวซีดมากและรอบดวงตาเป็นสีเหลือง

ผู้ที่มีอาการพร่องเอนไซม์ G6PD ส่วนใหญ่มักได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยบางอย่างเช่นการทานถั่วปากอ้า ดังนั้นควรหยุดทานถั่วปากอ้าเป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะที่ผิดปกตินี้ 

โรคมะเร็ง

โรคมะเร็งบางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการผิวซีด ตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งปอดสามารถทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการหายใจลำบากและส่งผลทำให้เกิดภาวะขาดแคลนออกซิเจน 

นอกจากนี้โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมียยังส่งผลต่อความสามารถในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดผิวซีดและระดับออกซิเจนลดลง 

การรักษาโรคซีด

หากผู้ป่วยแค่มีผิวซีดแต่ไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยอาจจะไม่จำเ็นต้องไปพบแพทย์ในทันที อาการอาจจะดีขึ้นเองได้ แต่หากเกิดอาการซีด ตาเหลือง เหงือกซีด มือซีด และผิวซีดเป็นระยะเวลานาน รวมถึงมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยควรไปปรึกษาแพทย์   

  • มีไข้สูง
  • มีไข้สูงและตัวซีดในเด็กทารก
  • มีอาการติดเชื้อ แผลบวมแดง
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม
  • ปวดท้อง
  • ผิวและตาซีดเหลือง

หากอาการดังนี้เกิดขึ้นควรไปพบแพทย์โดยด่วน:

  • ตัวซีดขณะที่มีเลือดออก
  • หายใจไม่ออกหรือหายใจสั้น
  • ในทารกหรือแรกเกิดที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ

ภาพรวม

หลายคนสามารถมีอาการผิวซีดเกิดขึ้นกับตัวเองได้เมื่อฮีโมโกบินหรือออกซิเจนในร่างกายน้อยเกินไป  

แต่ทั้งนี้อาการซีดอาจเป็นอาการของปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจเชคตัวเองเพื่อให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *