Streptococcus pneumoniae (S. pneumoniae) เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคได้หลายอาการ รวมทั้งเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดบวม และการติดเชื้อไซนัส แบคทีเรียนี้แพร่กระจายได้ง่าย และรวดเร็วจากคนสู่คนผ่านการไอและจาม
- pneumoniae เป็นสาเหตุส่วนมากที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียในผู้ใหญ่ และเป็นสาเหตุสำคัญของเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีด้วย
เยื่อหุ้มสมองอักเสบคือการติดเชื้อบริเวณเยื่อหุ้มสมอง หรือก็คือเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มสมองและไขสันหลังเอาไว้ เมื่อเกิดการติดเชื้อก็จะทำให้เนื้อเยื่อเกิดการบวม ส่วนมากไวรัสคือเชื้อที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Streptococcus pneumoniae
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียนี้เป็นโรคหายาก แต่มักมีอาการร้ายแรงและสามารถทำให้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การติดเชื้ออาจมีผลระยะยาว และถึงแก่ชีวิตได้ การรักษาอย่างทันท่วงทีจึงจำเป็นมา เพราะช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้
โอกาสติดเชื้อนิวโมคอคคัสที่รุนแรงสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญได้ เมื่อได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัส
สาเหตุของโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสเกิดขึ้น เมื่อเชื้อ S. pneumoniae เข้าสู่กระแสเลือด และทำให้ของเหลวรอบ ๆ สมอง หรือกระดูกสันหลังติดเชื้อ
เมื่อผู้ที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ อาจไม่มีอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบเสมอไป แต่ก็อาจเกิดอาการอื่น ๆ ได้แก่ :
- การติดเชื้อในหู
- การติดเชื้อในเลือด
- การติดเชื้อไซนัส
- โรคปอดอักเสบ
ผู้มีอาการเหล่านี้ส่วนมากแบคทีเรียจะไม่เติบโต หรือมีชีวิต และมักไม่ทำให้เจ็บป่วยได้ แต่ยังสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ ซึ่งอาจทำผู้อื่นเกิดอาการเจ็บป่วย หรือเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสได้
แบคทีเรียสามารถแพร่กระจายผ่านละอองเล็ก ๆ ที่ปล่อยออกมาจากจมูก หรือปากของคน ละอองเหล่านี้อาจสัมผัสกับบุคคลอื่นผ่านทาง:
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
ปัจจัยบางอย่างสามารถทำให้ผู้คนเกิดความอ่อนไหวต่อการเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส ได้แก่ :
- ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากการติดเชื้อ หรือใช้ยาบางชนิด
- โรคเบาหวาน
- การได้รับความกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บบริเวณศีรษะ
- การติดเชื้อในหูจากเชื้อ S. pneumoniae
- เคยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบมาก่อน
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- สูบบุหรี่
- ผ่าตัดนำม้ามออกไป หรือม้ามไม่ทำงาน
- โรคตับ ปอด ไต หรือหัวใจเรื้อรัง
- การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจของเชื้อ S. pneumoniae
- การใช้ประสาทหูเทียม
- เคยเป็นโรคปอดบวมจากเชื้อ S. pneumoniae มาก่อน
- เคยรติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) พบว่าผู้ที่มีอาการของม้ามผิดปกติ รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส
CDC ยังรายงานว่าเด็กที่มีเชื้อสายแอฟริกัน – อเมริกัน ชาวพื้นเมืองอะแลสกา และชาวอเมริกันอินเดียนแดงบางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้
ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่น ๆ ใกล้ชิดมีโอกาสเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในหอพัก หรือสถานที่ชุมชนแออัด รวมทั้งเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กด้วย
อาการของโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสมักเกิดอย่างกะทันหันภายใน 3 วันหลังจากรับเชื้อ อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส ได้แก่ :
- ไข้สูง
- คอแข็ง
- หนาวสั่น
- คลื่นไส้และอาเจียน
- สภาวะจิตใจไม่ปกติ
- อาการปั่นป่วน
- ปวดศีรษะรุนแรง
- ตาแพ้แสง photophobia
- หมดสติ หรือกึ่งมีสติ
- หายใจถี่
- ศีรษะและคอโค้งไปข้างหลัง
ทารกที่เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสจะมีกระหม่อมนูนขึ้น เป็นลักษณะที่จุดอ่อนด้านบนศีรษะของทารกถูกดันออกไปด้านนอก
การรักษาโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
ผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสควรเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำในทันที
โดยปกติแพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะที่เรียกว่าเซฟทริอาโซนในการรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส แต่ก็สามารถใช้ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ได้แก่ :
- เพนิซิลลิน
- เบนซิลเพนิซิลลิน
- เซโฟแทกซีม
- คลอแรมเฟนิคอล
- แวนโคไมซิน
บางครั้งแพทย์อาจสั่งยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดอาการบวมบริเวณสมอง และกระดูกสันหลัง
การวินิจฉัยโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
แพทย์จะเริ่มวินิจฉัยโดยการตรวจร่างกายและสังเกตอาการของผู้ป่วย หากสงสัยว่าเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส แพทย์อาจสั่งให้นำตัวอย่างจากกระดูกสันหลังไปตรวจวินิจฉัย โดยการเก็บของเหลวตัวอย่างจากจากกระดูกสันหลังของผู้ป่วย
แพทย์อาจการทดสอบอื่น ๆ ได้แก่ :
- ประวัติทางพันธุกรรม
- CT สแกนส่วนศีรษะ
- X-ray หน้าอก
การวินิจฉัยอย่างทันท่วงทีคือสิ่งสำคัญต่อการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ภาพรวมโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสเป็นภาวะที่อันตรายมาก มีผู้เสียชีวิตมากถึง 1 ใน 5 ของอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส เด็กเล็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมีความเสี่ยงมากที่สุด
การฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงควรดำเนินการเมื่อปรึกษากับแพทย์แล้ว การฉีดวัคซีนเป็นวิธีเดียวที่สามารถลดความเสี่ยงของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสได้
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการเรื้อรัง ดังต่อไปนี้:
- สูญเสียการได้ยิน
- สูญเสียการมองเห็น
- สมองบาดเจ็บ
- ปัญหาการควบคุมพฤติกรรม
- ความจำเสื่อม
- อาการชัก
- พัฒนาการล่าช้า
การรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ยิ่งผู้ป่วยพบแพทย์เร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะหายขาดจากโรคก็ดีขึ้นเท่านั้น
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.cdc.gov/pneumococcal/index.html#:~:text=Pneumococcal%20%5Bnoo%2Dmuh%2DKOK,to%20help%20prevent%20pneumococcal%20disease
- https://www.webmd.com/children/vaccines/qa/what-is-pneumococcal-disease
- https://www.nfid.org/infectious-diseases/pneumococcal/
- https://www.health.gov.au/health-topics/pneumococcal-disease
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก