- ภาวะแท้งคุกคามคืออะไร
- อาการและสัญญาณเตือนของภาวะแท้งคุกคามมีอะไรบ้าง
- สาเหตุของการแท้งคุกคามคืออะไร
- ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่
- ยาชนิดใดบ้างที่ช่วยบรรเทาอาการปวดจากภาวะแท้งคุกคาม?
- การผ่าตัดสามารถรักษาภาวะการแท้งคุกคามได้หรือไม่?
- หลังเกิดการแท้งควรปฏิบัติตัวอย่างไร
- การพยากรณ์โรคสำหรับการแท้งคุกคาม
- การป้องกันการแท้งคุกคามสามารถทำอย่างไร ?
- นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
ภาวะแท้งคุกคามคืออะไร
แท้งคุกคาม (Threatened Miscarriage) การมีเลือดออกในขณะตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องปกติ หากมีเลือดออกทางช่องคลอดในขณะต้ังครรภ์ควรรีบปรึกษาแพทย์
หากตรวจพบว่ามีเลือดออกจากช่องคลอดในระหว่างการตั้งครรภ์ อาจบ่งบอกได้ว่าการตั้งครรภ์กำลังเกิดภาวะแท้งคุกคาม (การแท้ง หมายถึงการแท้งเองโดยธรรมชาติ)
อาการและสัญญาณเตือนของภาวะแท้งคุกคามมีอะไรบ้าง
ภาวะการแท้งคุกคามอาจมีอาการโดยรวมของการแท้งเกิดขึ้นได้แก่อาการปวดในช่องท้องและมีเลือดออกจากช่องคลอด
- มีเลือดออกในช่องคลอดในปริมาณไม่มากหรือบางครั้งอาจมีเลือดออกมาก ในกรณีที่มีเลือดออกมาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะถามเพื่อให้รู้ว่ามีเลือดออกมากปริมาณเท่าไหร่และมีการเปลี่ยนผ้าอนามัยไปกี่ครั้งในหนึ่งชั่วโมง รวมถึงมีลิ่มเลือดหรือเนื้อเยื่อปนออกมาด้วยหรือไม่
- มีอาการปวดเกร็งบริเวณด้านล่างของช่องท้องข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างพร้อมกัน หรือมีอาการปวดบริเวณกลางของช่องท้อง ซึ่งอาจปวดลามไปถึงหลังส่วนล่างและสะโพกไม่จนถึงอวัยวะเพศ
- มีเลือดออกทางช่องคลอดบ่อยในระยะแรกของการตั้งครรภ์
- ภาวะแท้งคุกคามพบได้ประมาณ 1 ใน 4 ของหญิงมีครรภ์ โดยจะมีปัญหาเลือดออกทางช่องคลอดในช่วง 1-2 เดือนแรก
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ประมาณครึ่งหนึ่งที่มีเลือดออกทางช่องคลอดในขณะตั้งครรภ์อาการนี้จะหายไปและร่างกายกลับมาเป็นปกติเองได้ โดยไม่มีความเสี่ยงต่อภาวะแท้งคุกคามอีกต่อไป
- สำหรับอาการมีเลือดออกและความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับภาวะแท้งคุกคามมักไม่รุนแรงในผู้หญิงที่มีปากมดลูกยังปิดอยู่ ทั้งนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจกระดูกเชิงกรานเพื่อทดสอบการเปิดของปากมดลูก
- โดยปกติจะไม่มีติ่งเนื้อหรือเนื้องอกในมดลูกและท่อนำไข่
- ภาวะแท้งที่สามารถเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงแท้งไม่ได้เกิดจากปากมดลูกเปิด ร่วมกับอาการดังต่อไปนี้
- ปวดเกร็งบริเวณท้องน้อยและมีเลือดออกมากขึ้น
- หากแท้งไม่ครบ ปากมดลูกจะเปิด และขับทารกออกจากมดลูก
- การอัลตร้าซาวด์ทำให้ทราบว่ายังมีทารกอยู่ในครรภ์หรือไม่
- มีเลือดออกมากและปวดท้องมาก
สาเหตุของการแท้งคุกคามคืออะไร
ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดภาวะแท้งคุกคาม แต่อย่างไรก็ตามพบว่าส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ :
- ความผิดปกติของทารกในครรภ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการแท้งในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยความผิดปกติของทารกในครรภ์เกิดจากการสร้างโครโมโซมผิดปกติ ซึ่งภาวะแท้งจำนวนเกินกว่าครึ่งของผู้หญิงตั้งครรภ์ เกิดจากความผิดปกติของทารกในครรภ์ที่มีโครโมโซมผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุมากมักตรวจพบว่ามีโอกาสเกิดโครโมโซมผิดปกติมากขึ้น
- การแท้งในช่วง 4-6 เดือนของการตั้งครรภ์ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุเกิดจากปัญหาด้านสุขภาพของมารดามากกว่าปัญหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ ซึ่งได้แก่ปัญหาด้านสุขภาพดังต่อไปนี้
- ความเจ็บป่วยเรื้อรัง รวมถึงโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง โรคไต โรคภูมิแพ้ลูปัสและต่อมไทรอยด์ที่ทำงานผิดปกติ เช่น ทำงานน้อยเกินไปหรือทำงานมากเกินไป สาเหตุเหล่านี้เป็นปัจจัยหนึ่งของการแท้งบุตรได้ ดังนั้นการตรวจหาโรคเหล่านี้ในช่วงก่อนการคลอดบุตรหรือการดูแลก่อนคลอด (Prenatal) จึงมีความสำคัญมาก ที่จะทำให้ทราบว่ามีภาวะเสี่ยงต่อการแท้งหรือไม่
- การผลิตฮอร์โมนที่ไม่เพียงพอก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการแท้งได้เช่นกัน
- การติดเชื้อเฉียบพลัน รวมถึงการป่วยด้วยโรคหัดเยอรมัน CMV (cytomegalovirus) ไมโคพลาสมา (ปอดบวมผิดปกติ) และเชื้อโรคที่ผิดปกติอื่น ๆ ล้วนส่งผลทำให้เกิดการแท้งได้เช่นกัน
- โรคและความผิดปกติของอวัยวะภายในของสตรีอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้ อย่างเช่น มดลูกผิดปกติ มีเนื้องอกในมดลูก ปากมดลูกอ่อนแอ การเจริญเติบโตที่ผิดปกติของรก และการมีเด็กในครรภ์มากเกินกว่าหนึ่งคน (เช่น ฝาแฝดหรือแฝดสาม)
- ปัจจัยอื่น ๆ โดยเฉพาะยาที่ใช้เป็นประจำบางชนิด รวมทั้งคาเฟอีน แอลกอฮอล์ ยาสูบ และโคเคน หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะเป็นสาเหตุของการแท้งได้
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่
หากตั้งครรภ์แล้วพบว่ามีอาการปวดเกร็งและมีเลือดออกจากช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม ควรรีบไปพบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
หากมีอาการดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำได้ ควรไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อรับการตรวจทันที
ควรไปโรงพยาบาลทันที หากมีอาการดังต่อไปนี้:
- มีเลือดออกมาก (ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่าหนึ่งแผ่นภายในหนึ่งชั่วโมง)
- มีเนื้อเยื่อบางอย่างปนออกมากับเลือด ให้เก็บเนื้อเยื่อในกล่องแล้วนำติดตัวไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจด้วย
- ปวดเกร็งอย่างรุนแรง (คล้ายๆ กับปวดประจำเดือน)
- ปวดเกร็งหรือมีเลือดออกจากช่องคลอดรวมทั้งกับมีไข้ในเวลาเดียวกัน
- มีเลือดออกจากช่องคลอดหรือปวดท้องในผู้ที่เคยมีประวัติการตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน (การตั้งครรภ์ในท่อนำไข่)
- อาเจียนอย่างรุนแรงจนไม่มีอะไรเหลือในท้อง
ยาชนิดใดบ้างที่ช่วยบรรเทาอาการปวดจากภาวะแท้งคุกคาม?
- ยาอะเซตามีโนเฟน (Tylenol) สามารถทานเพื่อรักษาอาการปวดได้และเป็นยาที่ปลอดภัยในระหว่างการตั้งครรภ์
- ห้ามใช้pkแอสไพรินหรือยาไอบูโพรเฟน (Motrin หรือ Advil) รวมถึง ยานาพรอกเซน (Aleve) ในระหว่างการตั้งครรภ์
การผ่าตัดสามารถรักษาภาวะการแท้งคุกคามได้หรือไม่?
การขูดเอาชิ้นส่วนในโพรงมดลูก (dilation and curettage ; D&C) เป็นการขยายมดลูกเพื่อขูดหรือดูดเอาเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา
การขูดมดลูก (D&C) เป็นการผ่าตัดเล็กประเภทหนึ่งที่สามารถทำในได้โรงพยาบาล ศูนย์ศัลยกรรมหรือคลินิก ซึ่งเป็นวิธีตรวจที่มีความปลอดภัยและเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้เพื่อการวินิจฉัยโรคตามปกติ
การรักษาโดยการขยายและการขูดมดลูก: ส่วนใหญ่แล้วจะทำการรักษาด้วยวิธีนี้เมื่อแพทย์ทราบที่มาของปัญหาแล้ว เช่นเกิดการแท้งไม่สมบูรณ์หรือทำการคลอดเมื่อครบกำหนดคลอดแล้วยังเกิดปัญหาบางประการ เช่น มีเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์หรือรกภายในมดลูกยังไม่ถูกขับออกอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากเนื้อเยื่อที่ยังติดค้างอยู่ภายในมดลูกอาจทำให้มีเลือดออกมากและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพยายามหลีกเลี่ยงการรักษาโดยวิธี ขูดมดลูก (D&C) ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นจริงๆ :
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน: หากมีการติดเชื้อที่อวัยวะสืบพันธุ์ เครื่องมือผ่าตัดที่จะสอดเข้าไปในช่องคลอดและปากมดลูกมีโอกาสที่จะนำแบคทีเรียจากช่องคลอดหรือปากมดลูกไปสู่มดลูกได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เนื้อเยื่อที่ติดเชื้อจะได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้แพทย์อาจต้องรอจนกว่าจะรักษาภาวะติดเชื้อให้หายก่อน ซึ่งอาจทำโดยการให้ยาปฏิชีวนะ ก่อนการพิจารณาให้การรักษาแบบผ่าตัดเพื่อขูดมดลูก ( D&C) ต่อไป
- ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด: แพทย์จะพิจารณาความสามารถในการแข็งตัวของเลือดในร่างกายตามธรรมชาติ เพื่อการหยุดไหลของเลือดหลังจากขูดมดลูก สำหรับผู้หญิงที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด แพทย์อาจพิจารณาว่าไม่ควรใช้วิธีนี้รักษา
- มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคหัวใจและโรคปอด เนื่องจากโรคเหล่านี้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเมื่อต้องวางยาสลบก่อนผ่าตัด
หลังเกิดการแท้งควรปฏิบัติตัวอย่างไร
- พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรง
- ไม่ฉีดหรือสอดสิ่งใด ๆ (รวมถึงผ้าอนามัยแบบสอด) เข้าไปในช่องคลอด
- งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการจะหายดีอย่างสมบูรณ์แล้วอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
- กลับไปที่โรงพยาบาลทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:
- ปวดเกร็งและมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
- เลือดออกมาก (ต้องใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 1 แผ่นภายในเวลา 1 ชั่วโมง)
- มีเนื้อเยื่อปนออกมากับเลือด
- มีไข้
- มีอาการอื่นๆ ที่โดยรวมแล้วเห็นว่าอาจเป็นอันตราย
- แพทย์อาจจะทำการตรวจเลือดซ้ำภายใน 48 – 72 ชั่วโมงเพื่อหาระดับฮอร์โมน HCG ซึ่งสามารถเพื่อตรวจการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของระดับฮอร์โมน HCG สำหรับการตั้งครรภ์ที่ตรวจพบว่ามีระดับฮอร์โมน HCG ลดลงอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้
- แพทย์อาจจะทำอัลตร้าซาวด์เพื่อติดตามความผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากการแท้งสิ้นสุดลง
การพยากรณ์โรคสำหรับการแท้งคุกคาม
ผู้หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากกว่าครึ่งของผู้ที่มีเลือดออกในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์พบว่าเลือดจะหยุดไหลไปเองและกลับมามีครรภ์ที่แข็งแรงสมบูรณ์เป็นปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์มีเลือดออกและไม่หายเป็นปกติ ซึ่งอาจมีอาการปวดเกร็งอย่างรุนแรงมากขึ้นและมีเลือดออกมากว่าเดิม จนทำให้เกิดการแท้งบุตรในที่สุด ในกรณีผู้ที่ตั้งครรภ์มีอาการดังกล่าวอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเสียลูกไป ในขณะที่กำลังออกจากโรงพยาบาลหลังจากเข้ารับตรวจจากแพทย์
การป้องกันการแท้งคุกคามสามารถทำอย่างไร ?
แม้ว่าไม่มีวิธีใดในการทำนายหรือป้องกันการแท้งบุตร แต่เราสามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ต่อไปได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้:
- ฝากครรภ์เพื่อช่วยในการดูแลก่อนคลอดและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาที่ไม่ได้ใช้เพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะโคเคน
- หลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณคาเฟอีน
- ควบคุมความดันโลหิตสูง และเบาหวาน (ในกรณีผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง)
- รักษาการติดเชื้อ หากเกิดภาวะอักเสบและติดเชื้อ
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/miscarriage-threatened
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC478228/
- https://medlineplus.gov/ency/article/000907.htm
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pregnancy-loss-miscarriage/diagnosis-treatment/drc-20354304
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก