ปัสสาวะขุ่น (Turbid Urine) คืออาการบ่งชี้ถึงภาวะผิดปกติในร่างกาย แต่อาการผิดปกติเพียงเรื่องเดียวอาจยังไม่สามารถระบุที่มาของโรคได้ ในบางกรณีอาการนี้แสดงถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วย เช่น ภาวะขาดน้ำ หรือภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรืออาการป่วยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต
สาเหตุของภาวะปัสสาวะขุ่น
ปัสสาวะขุ่นสาเหตุนั้นอาจจะเกิดจากหลายประการ ได้แก่:
ภาวะขาดน้ำ: กรณีมีปัสสาวะขุ่นและมีสีเข้มอาจบ่งชี้ได้ว่าผู้ป่วยบริโภคน้ำดื่มไม่เพียงพอ
ทุกคนล้วนมีความเสี่ยงต่อการขาดน้ำได้เหมือน ๆ กัน กรณีเจ็บป่วยมีอาการท้องเสีย อาเจียน หรือเป็นไข้ที่ทำให้ร่างกายต้องการน้ำมากขึ้น
ผู้ที่ออกกำลังกายหนักหรือออกกำลังกายในช่วงอากาศร้อน อาจมีความเสี่ยงที่จะขาดน้ำได้ หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ
อาการการขาดน้ำนอกจากปัสสาวะขุ่นแล้วยังอาจมีอาการอื่นร่วม ได้แก่ :
-
ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มหรือสีส้ม
-
รู้สึกเพลียเหนื่อยล้า
-
รู้สึกสับสนหรือไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้
-
เวียนศรีษะ
-
ปากแห้งและรู้สึกกระหายน้ำอย่างรุนแรง
-
ตาแห้ง
-
ปัสสาวะน้อยลง
ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงมากตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการเวียนศีรษะ สลบไม่ได้สติ หรืออุจจาระเป็นเลือดหรือสีดำ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
โรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ (UTI): เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะขุ่น หรือมีลักษณะเหมือนน้ำนม หากปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นมากอาจมีภาวะติดเชื้อร่วมด้วย
ความขุ่นในปัสสาวะเกิดจากการที่หนองหรือเลือดปะปนเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ และอาจเกิดจากการสะสมเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ร่างกายใช้จัดการกับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค
นอกจากภาวะปัสสาวะที่ขุ่นแล้ว โรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อยังทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น:
-
ปวดปัสสาวะอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
-
ปัสสาวะครั้งละมาก ๆ หรือกระเพาะปัสสาวะบีบตัวลำบาก
-
ปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ
-
ปัสสาวะขุ่นมีกลิ่นเหม็น
-
ปวดกระดูกเชิงกรานท้องส่วนล่างหรือหลังส่วนล่าง
-
ปัสสาวะสีเหลืองเข้มมาก
ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและการรักษา การปล่อยให้มีอาการนานเกินไปอาจกลายเป็นโรคเรื้อรังได้
ไตติดเชื้อ: อาการติดเชื้อในไตโดยมากมีลักษณะเหมือนโรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ หากไม่รีบเข้ารับการรักษา และอาการจะยิ่งแย่ลงหากปล่อยไว้นาน
อาการติดเชื้อในไตมีอาการคล้ายคลึงกับโรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ แต่จะมีอาการเพิ่มเติมได้แก่:
-
ไข้
-
หนาวสั่น
-
เป็นตะคริว
-
อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
-
คลื่นไส้และอาเจียน
-
รู้สึกปวดบริเวณหลัง สีข้างหรือขาหนีบ
-
ปัสสาวะสีเข้ม มีเลือดปะปน หรือมีกลิ่นเหม็น
การติดเชื้อในไตต้องได้รับการรักษาทันที หากไม่รีบรักษาการติดเชื้อนี้อาจทำให้ไตเสียหายอย่างถาวร
โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI): โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดเช่นหนองใน และหนองในเทียมอาจทำให้ปัสสาวะขุ่น เพราะโรคไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน และผลิตเม็ดเลือดขาวมาก ๆ จนไปผสมกับปัสสาวะได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ยังทำช่องคลอดหรืออวัยวะเพศเกิดการคัดหลั่งผิดปกติ สัญญาณอื่น ๆ ของโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่ :
-
อาการคันที่อวัยวะเพศหรืออุ้งเชิงกราน
-
อาการปวดที่อวัยวะเพศโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
ปวดในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ หรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์
-
ปวดหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะหรือการหลั่งน้ำกาม
-
เป็นผื่น เป็นแผลพุพอง หรือแผลลักษณะอื่น ๆ บริเวณอวัยวะเพศ
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที การป้องกันทางเพศยังช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้
ช่องคลอดอักเสบ: ช่องคลอดอักเสบโดยมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็อาจเป็นการติดเชื้อจากไวรัสหรือเชื้อราได้
บางกรณีร่างกายอาจทำปฏิกิริยากับส่วนผสมในสบู่ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้เช่นกัน ปฏิกิริยาเหล่านี้ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกโดยไม่มีการติดเชื้อ
อาการอื่น ๆ ของโรคช่องคลอดอักเสบ ได้แก่ :
-
อาการคันรอบ ๆ ช่องคลอด
-
ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
-
ช่องคลอดบาง ซีด และมีของเหลวไหลออกมา
-
การเปลี่ยนสีคล้าย cottage cheese
-
กลิ่นคาวหลังมีเพศสัมพันธ์
-
รู้สึกเจ็บปวดขณะปัสสาวะ
ต่อมลูกหมากอักเสบ: ต่อมลูกหมากโตหรือต่อมลูกหมากอักเสบเป็นสาเหตุของปัสสาวะขุ่นได้
อาการอื่น ๆ ของต่อมลูกหมากอักเสบ ได้แก่ :
-
ความเจ็บปวดระหว่างคัดหลั่ง
-
ปวดหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะ
-
ปัสสาวะบ่อย และถี่
-
เลือดปนเปื้อนในปัสสาวะ
-
ปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน อวัยวะเพศหรือ ขาหนีบ
นิ่วในไต: นิ่วในไตอาจทำให้ปัสสาวะขุ่นได้ เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุบางชนิดในร่างกาย
นิ่วขนาดเล็กอาจไม่ทำให้มีอาการใด ๆ แต่นิ่วขนาดใหญ่จะปิดกั้นทางเดินปัสสาวะและทำให้เกิดการติดเชื้อที่ทำให้เกิดหนองออกมาปะปนกับปัสสาวะได้
อาการทั่วไปของนิ่วในไตคืออาการปวดอย่างรุนแรง บริเวณใต้ซี่โครงใกล้ ๆ ด้านข้างหรือหลังส่วนล่าง ความเจ็บปวดอาจเกิดบริเวณขาหนีบและลามไปยังท้องส่วนล่างหรือหลังส่วนล่างได้
อาการอื่น ๆ ของนิ่วในไต ประกอบด่วย :
-
ไข้
-
หนาวสั่น
-
อาการปวดขณะปัสสาวะ
-
มีลิ่มสีน้ำตาล แดง หรือชมพูปนเปื้อนในปัสสาวะ
-
ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
อาหาร: อาหารบางชนิดอาจทำให้ปัสสาวะขุ่นได้ ผู้ที่รับประทานวิตามินดีหรือฟอสฟอรัสมาก ๆ อาจมีปัสสาวะขุ่นได้ เนื่องจากไตทำหน้าที่กำจัดฟอสฟอรัสส่วนเกินออกจากร่างกาย อาหารที่มีโปรตีนสูง อย่างเนื้อสัตว์ ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากนมก็มีปริมาณฟอสฟอรัสสูงเช่นกัน
เบาหวานหรือภาวะที่ไตถูกทำลายจากอาการเบาหวาน: สัญญาณอื่น ๆ ของโรคเบาหวานอาจรวมถึงปัญหาต่างๆเช่น:
-
กระหายน้ำเป็นประจำแม้จะพึ่งดื่มน้ำ
-
ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
-
ลดน้ำหนัก
-
ปัสสาวะบ่อย ๆ ถี่ ๆ
-
การอักเสบบ่อย ๆ
-
เมื่อเป็นแผลจะหายช้า
หากไม่รีบรักษาเบาหวานอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยความเสียหายของไต
การวินิจฉัยภาวะปัสสาวะขุ่น
หากปัสสาวะขุ่นพร้อมอาการอื่น ๆ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย แพทย์อาจขอตัวอย่างปัสสาวะเพื่อทดสอบการติดเชื้อ และอาจทดสอบอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติม และอาจตรวจเลือดเพื่อตรวจความเสียหายของไตร่วมด้วย ขึ้นกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน
การรักษาภาวะปัสสาวะขุ่น
การรักษาภาวะปัสสาวะขุ่นขึ้นกับโรคต้นเหตุ การรักษาโดยทั่วไปจะเป็นแยกตามชนิดของโรค ได้แก่ :
อาการขาดน้ำ: การรักษาภาวะขาดน้ำอาจทำได้ง่ายเพียงดื่มน้ำให้มากขึ้นและรับประทานอาหารที่มีปริมาณของเหลวสูง แต่ในกรณีที่ขาดน้ำรุนแรงต้องรีบเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
โรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ : โรคนี้ส่วนมากตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะได้ดี แต่กรณีที่อาการรุนแรง ผู้ป่วยต้องได้รับยารักษาอาการหลอดเลือดดำเพิ่มเติม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์: การรักษาขึ้นกับชนิดของโรค ภาวะการติดเชื้ออย่างโรคหนองใน และซิฟิลิส โดยทั่วไปจะตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะได้ดี
นิ่วในไต: นิ่วสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แพทย์อาจให้ยาแก้ปวด แต่หากก้อนนิ่วโตจะเจ็บปวดมาก แพทย์อาจพิจารณาจ่ายยาหรือบำบัดด้วยคลื่นช็อกเวฟเพื่อลดขนาดของนิ่วลง และอาจผ่าตัดหากนิ่วมีขนาดใหญ่มาก
ช่องคลอดอักเสบ: แพทย์ใช้ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อรา หรือยาต้านไวรัสเพื่อรักษาช่องคลอดอักเสบ
ต่อมลูกหมากอักเสบ: อาจหายเอง กรณีแบคทีเรียเป็นสาเหตุของโรค ยาปฏิชีวนะจะใช้รักษาอาการได้ แต่กรณีเรื้อรังแพทย์อาจให้ใช้ยาอื่น ๆ เพิ่มเติม
โรคเบาหวาน: ปัญหาเกี่ยวกับไตที่เกิดจากโรคเบาหวานอาจต้องทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาความเสียหายของไต ผู็ป่วยต้องเข้ารับการรักษาโรคเบาหวาน
สรุปภาพรวมภาวะปัสสาวะขุ่น
ปัสสาวะที่ขุ่นอาจมีที่มาหลายสาเหตุ การเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาแต่เนิ่น ๆ คือสิ่งสำคัญที่ช่วยหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
จดบันทึกอาการต่าง ๆ เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อใช้ในการวินิจฉัยและการรักษาที่ดี การให้ความร่วมมือกับแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ช่วยแก้อาการปัสสาวะที่ขุ่นได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก