การได้ยินน้อยลง หูดับ (Acute Hearing)หรือการสูญเสียการได้ยินอาจเกิดขึ้นเป็นเพียงบางส่วนหรืออาจทั้งหมด
อาการไม่ได้ยินที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่น้อย ปานกลาง ขั้นรุนแรงหรือไม่ได้ยินอีกเลย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องความเข้าใจในการสื่อสารด้วย ควรรรีบปรึกษาแพทย์
ในบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจต้องเรียนรู้วิธีอ่านปากเพื่อสื่อสารร่วมกับผู้อื่น ผู้ป่วยที่หูหนวกสนิทชนิดไม่ได้ยินเสียงใดๆเลยมีความจำเป็นต้องเรียนอ่านปากและภาษามือด้วย
อาการหูดับ
อาการการได้ยินลดน้อยลงขึ้นอยู่กับสาเหตุ คนบางคนอาจเกิดมาแล้วไม่ได้ยินมาแต่กำเนิด ในขณะที่บางคนมีอาการแบบฉับพลันเนื่องจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย โดยทั่วๆไปอาการหูหนวกมักจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
โรคบางโรคเองก็เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะการสูญเสียการได้ยินเช่น โรคเสียงอื้อในหู หรือโรคหลอดเลือดสมอง
การสูญเสียการได้ยินในเด็กทารก
อาจมีอาการบ่งชี้ดังต่อไปนี้:
-
เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 4 เดือน จะไม่หันตามเสียงเมื่อเกิดเสียงดังขึ้น
-
เมื่อมีอายุมากกว่า1 ปี เด็กยังไม่พูดหรือออกเสียงตามที่ควรจะเป็น.
-
เด็กทารกไม่มีอาการผวาหรือตกใจเมื่อเกิดเสียงดัง
-
เด็กทารกจะตอบสนองเมื่อเห็นหน้าพ่อแม่ แต่ไม่ตอบสนองหากมองไม่เห็นหรือเวลาถูกเรียกชื่อ
-
ได้ยินเสียงบางเสียงเท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงทั้งหมด
ภาวะการสูญเสียการได้ยินในวัยเด็ก
สัญญานดังต่อไปนี้อาจปรากฏให้เห็นเมื่อเด็กโตขึ้นมา:
-
เด็กมีการเรียนรู้จะพูดได้ช้าหรือพูดไม่ชัดเจน
-
เด็กมักต้องการให้ผู้อื่นพูดซ้ำอีกรอบ เนื่องจากฟังไม่ถนัด
-
เด็กมักจะพูดเสียงดังกว่าปกติและมักทำสิ่งใดๆที่ต้องใช้เสียงที่ดังมากกว่าปกติ
-
เมื่อเด็กพูดจะฟังดูไม่ค่อยชัด
ระดับของการสูญเสียการได้ยินมี 4 ระดับ
-
หูตึงเล็กน้อย:เสียงเบาที่สุดที่จะได้ยินคือ 25-29 เดซิเบล พบว่ายากที่จะเข้าใจคำเวลาคนอื่นพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเสียงรบกวนข้างๆ
-
หูตึงปานกลาง: เสียงเบาที่สุดที่จะได้ยินคือ 40-69 เดซิเบล อาจฟังเสียงพูดลำบากหากไม่ได้ใช้เครื่องช่วยฟัง
-
หูตึงรุนแรง: เสียงเบาที่สุดที่จะได้ยินคือ 70-89 เดซิเบล กรณีนี้ผู้ป่วยต้องใช้วิธีอ่านปากหรือใช้ภาษามือช่วยในการสื่อสาร หรือต้องใช้เครื่องช่วยฟังร่วมด้วย
-
หูหนวก: เสียงเบาที่สุดที่จะได้ยินต้องมากกว่า 90 เดซิเบล บางรายอาจไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย การสื่อสารต้องใช้ภาษามือ การอ่านปาก หรือผ่านการเขียนและอ่านเท่านั้น
สาเหตุของอาการหูดับ
- โรคอีสุกอีใส
- โรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส
- คางทูม
- โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
- โรคซิฟิลิส
- โรคลายม์
- โรคเบาหวาน
- การรักษาวัณโรค (TB) เชื่อว่าตัวยาสเตรปโตมัยซินเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยง
- โรคไฮโปไทรอยด์
- โรคข้ออักเสบ
- โรคมะเร็งบางเภท
- วัยรุ่นที่ต้องได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสอง
หูชั้นในเป็นส่วนที่อยู่ด้านในสุดของหู การได้รับความเสียหายที่บริเวณแก้วหูหรือหูชั้นกลางเป็นสาเหตุของการสูญเสียการได้ยินและเกิดการหูหนวกได้
ภาวะหูดับและหูหนวก
การแยกแยะความแตกต่างของระดับการสูญเสียการได้ยินเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก
หูดับ: คือภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถได้ยินเสียงใด ๆ ได้ชั่วคราว
หูหนวก: คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถเข้าใจการพูดโดยผ่านการได้ยิน แม้แต่กับเสียงที่ขยายแล้วก็ตาม
หูหนวกสนิท: คือภาวะการไม่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นชนิดไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรได้เลยถาวร
ประเภทของการสูญเสียการได้ยิน
รูปแบบการสูญเสียการได้ยินแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้:
1) การสูญเสียการได้ยินจากการนำเสียงบกพร่อง
เป็นสาเหตุจากเสียงไม่สามารถผ่านจากหูชั้นนอกไปสู่หูชั้นในได้ตามปกติ โดยมีสาเหตุมาจาก:
-
มีขี้หูปิดกั้นในหู
-
หูชั้นกลางอักเสบ
-
หูติดเชื้อ เกิดอาการอักเสบและมีของเหลวปิดกั้นในหู
-
แก้วหูทะลุ
-
การทำงานของกระดูกหูไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ
-
แก้วหูทำงานบกพร่อง
การติดเชื้อจะทิ้งร่องรอยเกิดแผลเป็นเนื้อเยื่อไว้ ซึ่งจะไปลดการทำงานของแก้วหู กระดูกที่ทำงานบกพร่องที่เกิดมาจากการติดเชื้อ การบาดเจ็บหรือการเกิดร่วมกันทั้งสองอย่างอย่างที่เราเรียกว่าภาวะ Ankylosis
2) การสูญเสียการได้ยินที่โสตประสาท
มีสาเหตุมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหูชั้นใน ประสาทหูหรือสมองได้รับการบาดเจ็บ
การสูญเสียการได้ยินเป็นอาการปกติที่มักเกิดขึ้นเสมอเมื่อเซลล์ขนในประสาทหูได้รับความเสียหาย เมื่อคนเราอายุมากขึ้นเซลล์ขนก็จะเริ่มทำงานได้น้อยลงและเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
การได้ยินเสียงดังเป็นระยะเวลานานๆโดยเฉพาะเสียงที่มีความถี่เสียงสูงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ขนเสียหาย การเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถทดแทนกลับให้เหมือนเดิมได้ แต่ในปัจจุบันพบว่าอาจนำสเต็มเซลล์มาช่วยในการสร้างเซลล์ขนใหม่ได้
3) การรับฟังเสียงบกพร่องแบบผสม
เป็นกรณีที่เกิดทั้ง 2 สาเหตุข้างต้นพร้อมกัน หูที่เกิดการติดเชื้อในระยะยาวสามารถทำความเสียหายกับส่วนของแก้วหูและกระดูก บางครั้งการผ่าตัดอาจช่วยทำให้การได้ยินกลับมาได้แต่อาจไม่ได้ผลทุกราย
หูหนวกและเป็นใบ้
การสูญเสียการได้ยินที่ส่งผลต่อความสามารถในการพูดอาจเกิดขึ้นเพราะ.
การสูญเสียการได้ยินก่อนการเริ่มสื่อสารได้
การสูญเสียการได้ยินก่อนการหัดพูดเป็นสิ่งผิดปกติที่เป็นมาแต่กำเนิด
การสูญเสียการได้ยินหลังการพูด
ปัญหาการสูญเสียการได้ยินส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากรูปแบบนี้ ผลข้างเคียงมาจากการใช้ยา การบาดเจ็บ การติดเชื้อหรือภาวะโรคต่างๆก็เป็นสาเหตุหลักๆในการไม่ได้ยินได้
การวินิจฉัย
ผู้ป่วยที่สงสัยเกี่ยวกับการได้ยินควรไปปรึกษาแพทย์
แพทย์จะวินิจฉัยโดยการซักประวิติอย่างละเอียดด้วยการสอบถามอาการตั้งแต่เริ่มแรก และตรวจดูหู อาจตรวจรวมไปถึงอาการเจ็บปวดที่อาจมาร่วมกับการสูญเสียการได้ยิน.
การตรวจร่างกาย
แพทย์จะตรวจหูด้วยกล้องส่องตรวจหู ด้วยอุปกรณ์ที่มีแสงสว่างอยู่บริเวณด้านปลาย ซึ่งสามารถทำให้ตรวจเจอสิ่งต่างๆด้านในเช่น:
-
เกิดการอุดตันจากสิ่งแปลกปลอม
-
แก้วหูยุบ
-
เกิดการสะสมของขี้หู
-
เกิดการติดเชื้อในช่องหู
-
เกิดการติดเชื้อในหูชั้นกลาง
-
เกิดขี้ไคลหรือเซล์ผิวหนังด้านหลังแก้วหูในหูชั้นกลางภายในหู
-
มีของเหลวในช่องหู
-
แก้วหูมีรู
และอาจมีการทดสอบเพิ่มเติม ได้แก่:
การตรวจคัดกรองด้วยส้อมเสียง: เป็นการตรวจ Rinne test โดยใช้ส้อมเสียง คืออุปกรณ์การตรวจด้วยเสียงความถี่เดียว ทำมาจากเหล็กหรืออลูมิเนียมมีลักษณะเป็นสองขามีด้ามจับ
ส้อมเสียงจะสั่นและกระทบกับกระดูกกกหูที่อยู่ด้านหลังหู ทดสอบการได้ยินผ่านทางอากาศเพื่อเปรียบเทียบเสียงที่ได้ยิน
การตรวจการได้ยินด้วยเครื่องAudiometer: ผู้ป่วยจะต้องสวมหูฟังไว้ แล้วจะปล่อยเสียงเข้าไป เสียงที่ปล่อยไปจะมีหลายโทน ผู้ป่วยต้องส่งสัญญานในแต่ละครั้งที่ได้ยินเสียง
ในแต่ละโทนจะแสดงให้เห็นระดับเสียงแล้วทดสอบผู้ป่วยว่าได้ยินหรือไม่ได้ยินที่ระดับความดังเท่าไร
ตรวจการได้ยินโดยการนำเสียงทางกระดูก: เป็นการตรวจด้วยการวางเครื่องสั่นไว้บริเวณกระดูกกกหูที่จะตรวจ ซึ่งเสียงจะเดินทางผ่านกระดูกกกหูไปยังกระดูกชั้นใน ทำให้สามารถตรวจสอบการทำงานของหูแต่ละส่วนได้
การรักษาอาการหูดับ
การรักษามีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ ซึ่งวิธีการรักษาได้แก่
การใช้เครื่องช่วยฟัง
เครื่องช่วยฟังมีหลายแบบและหลายขนาด เครื่องนี้ไม่ได้มีไว้รักษาแต่เป็นเครื่องที่มีไว้เพื่อช่วยให้ผู้ฟังสามารถได้ยินเสียงที่ชัดเจนมากขึ้น
เครื่องช่วยฟังจะบรรจุแบเตอรี่ ลำโพง เครื่องขยายเสียงและไมโครโฟนไว้ ปัจจุบันนี้ตัวเล็กลงสามารถใส่ในหูได้ และตัดเสียงรบกวนออก
เครื่องช่วยฟังไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหูหนวกสนิท
ประสาทหูเทียม
เป็นอุปกรณ์ที่ใส่ไว้ในส่วนหูชั้นใน อุปกรณ์ดังกล่าวจะแปลงสัญญานเสียงให้เป็นสัญญานไฟฟ้าในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่จะกระตุ้นเซลล์ขนภายในอวัยวะรับเสียงให้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น มักใช้กับผู้ป่วยที่ประสาทหูเสื่อมอย่างรุนแรง
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.hearingloss.org/hearing-help/hearing-loss-basics/sudden-deafness/
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/symptoms-causes/syc-20373072
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก