เกี่ยวกับ Azithromycin
Azithromycin คือ ยาปฏิชีวนะที่ใช้กันในวงกว้าง เพื่อรักษาการติดเชื้อบริเวณอก เช่น โรคปอดอักเสบ การติดเชื้อที่จมูกและคอ เช่น ไซนัสอักเสบ การติดเชื้อที่ผิวหนังเช่น โรคไลม์ และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด
ยาอะซิโธรมัยซินที่นำมาใช้ในเด็ก มักถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อในช่องหูหรือโรคติดเชื้อที่ทรวงอก
เป็นยาที่สามารถใช้ได้ในระยะยาวเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ทรวงอก
ยาอะซิโธรมัยซินเป็นยาตามแพทบ์สั่งที่มักมาในรูปแบบของแคปซูล ยาเม็ดและยาน้ำเพื่อดื่ม อีกทั้งยังสามารถให้ผ่านการฉีด แต่มักต้องทำภายในโรงพยาบาลเท่านั้น
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยาอะซิโธรมัยซิน
- อะซิโธรมัยซินมักรับประทานวันละหนึ่งครั้ง ควรทานในเวลาเดียวกันทุกวัน
- หากแพทย์สั่งยาเป็นชนิดแคปซูล คุณควรทานก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง หากทานแบบชนิดเม็ดหรือยาน้ำ สามารถทานพร้อมหรือไม่พร้อมอาหารได้
- สำหรับการติดเชื้อส่วนใหญ่อาการควรจะดีขึ้นภายในสองสามวัน แต่ก็ควรทานอย่างต่อเนื่องจนหมด
- อาการผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่มักเกิดขึ้นจากการใช้ยาอะซิโธรมัยซินคือความรู้สึกคลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดศีรษะหรือการรับรู้รสชาติเปลี่ยนไป
- ยาอะซิโธรมัยซินมักเรียกกันในชื่อการค้าว่า ยาแก้อักเสบ Zithromax ซิโทรแม๊กซ์
ใครสามารถทานหรือไม่สามารถทานอะซิโธรมัยซินได้บ้าง
ยาอะซิโธรมัยซินสามารถรับประทานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
แต่ไม่เหมาะสำหรับในบางคน เพื่อความแน่ใจว่ายาดังกล่าวมีความปลอดภัยสำหรับคุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณe:
- เคยแพ้ยาอะซิโธรมัยซินหรือยาอื่นๆมาก่อน
- มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต
- มีปัญหาโรคหัวใจ ซึ่งรวมไปถึงการเต้นของหัวใจไม่ปกติ (หัวใจเต้นผิดจังหวะ)
- เคยมีอาการท้องเสียเมื่อทานยาปฏิชีวนะมาก่อน
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง -อะซิโธรมัยซินอาจทำให้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีอาการที่แย่ลง
- โรคเบาหวาน – อะซิโธรมัยซินชนิดน้ำมีส่วนผสมของน้ำตาล
รับประทานอย่างไร และเมื่อไร
อะซิโธรมัยซินมักรับประทานวันละครั้ง เว้นเสียแต่เป็นการฉีด ควรรับประทานยาในเวลาเดิมทุกวัน
ปริมาณยาที่ใช้ตามปกติคือ 500 มก ต่อวันเป็นเวลา 3-10 วัน ขึ้นอยู่กับการติดเชื้อที่เริ่มต้นการรักษา
สำหรับชนิดฉีด คุณอาจได้รับปริมาณยาสูงสุดคือ 1 กรัมหรือ 2 กรัม
ปริมาณยาอาจต่ำลงสำหรับใช้ในเด็ก หรือหากไตหรือตับมีปัญหา
อะซิโธรมัยซินบางครั้งอาจถูกสั่งใช้เป็นระยะเวลานานเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ทรวงอก ในกรณีเช่นนี้มักรับประทาน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มักเป็นวันจันทร์ วันพุธและวันศุกร์
สิ่งสำคัญ
รับประทานให้ครบตามจำนวนที่กำหนด แม้คุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ตาม หากคุณหยุดการรักษาก่อนการติดเชื้ออาจกลับมาเป็นอีกครั้ง
รับประทานอย่างไร
หากแพทย์สั่งจ่ายยาอะซิโทรมัยซินเป็นแบบชนิดแคปซูล คุณควรทานก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง
หากเป็นชนิดเม็ดหรือชนิดน้ำ คุณสามารถรับประทานพร้อมหรือไม่พร้อมกับอาหารก็ได้
กลืนยาชนิดเม็ดและแคปซูลพร้อมกับน้ำ
อะซิโธรมัยซินชนิดน้ำเหมาะสำหรับเด็กและคนที่มีปัญหาการทานชนิดเม็ด
หากคุณหรือลูกของคุณต้องทานชนิดน้ำ ยามักทานด้วยหลอดฉีดยาหรือช้อนเพื่อวัดปริมาณให้ถูกต้อง หากไม่มีอุปกรณ์ให้ขอเภสัชกร ไม่ควรใช้ช้อนในครัวเพราะไม่ใช่ปริมาณที่ถูกต้อง
ยาชนิดน้ำจะมีรสขมเล็กน้อย ทางที่ดีอาจให้เด็กทานดื่มน้ำผลไม้หลังจากการทานยา
หากลืมกินยาจะต้องทำอย่างไร
หากคุณลืมกินยาให้รีบกินทันทีที่นึกขึ้นได้ เว้นเสียแต่ว่าใกล้ถึงเวลาของยามื้อถัดไป ในกรณีเช่นนี้ให้ทิ้งมื้อที่ลืมไปได้เลยและไปเริ่มรับประทานยาในมื้อถัดไปได้ตามปกติ
ไม่ควรทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าในเวลาเดียวกัน ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นพิเศษเพื่อชดเชยมื้อที่ลืมไป
หากคุณมักชอบลืมทานยาบ่อยๆ การตั้งเวลาเตือนอาจช่วยได้ ลองปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีในการจำ
ถ้ารับประทานมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น
การรับประทานยาอะซิโธรมัยซินมากกว่าที่กำหนดไว้โดยไม่ได้ตั้งใจจะไม่เกิดอันตราย แต่อย่างไรก็ตามการทานยาเกินขนาดก็อาจเป็นการเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง เช่นคลื่นไส้หรือท้องเสีย
ผลข้างเคียง
เหมือนกับยาทั่วไป อะซิโธรมัยซินก็สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน
ผลข้างเคียงทั่วๆไป
ผลข้างเคียงของอะซิโธรมัยซินเกิดขึ้นมากกว่า 1 ใน 100 คน เก็บยาไว้แล้วไปปรึกษาแพทย์หากอาการของผลข้างเคียงรบกวนคุณหรือไม่ยอมหาย
- คลื่นไส้อาเจียน
- ท้องเสียหรือเริ่มป่วย
- ความอยากอาหารลดลง
- ปวดศีรษะ
- รู้สึกมึนงงหรือเหนื่อนล้า
- การรับรู้รสชาติมีการเปลี่ยนแปลง
ผลข้างเคียงรุนแรง
ผลข้างเคียงรุนแรงที่พบได้น้อยมากและเกิดขึ้นได้เพียง 1 ใน 1,000 คน พบแพทย์ทันทีเมื่อ:
- เจ็บหน้าอกหรือหัวใจเต้นผิดปกติหรือเร็วขึ้น
- ผิวหรือตาที่เป็นสีขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือถ่ายอุจจาระสีซดพร้อมกับปัสสาวะสีเข้ม สิ่งนี้อาจเป็นสัญญานของตับหรือกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา
- มีเสียงกริ๊งในหู (โรคมีเสียงในหู) สูญเสียการได้ยินชั่วคราว หรือรู้สึกยืนโคลงเคลง (อาการบ้านหมุน)
- ปวดท้องหรือหลังอย่างรุนแรง -อาจเป็นสัญญานเตือนว่าตับอ่อนมีการอักเสบ (ตับอ่อนอักเสบ)
- ท้องเสีย (อาจเกิดร่วมกับอาการปวดท้องเกร็ง) พร้อมมีมูกหรือเลือด -หากมีอาการท้องเสียรุนแรงโดยปราศจากเลือดหรือมูกเป้นเวลานานเกิน 4 วันควรปรึกษาแพทย์
การเกิดปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรง
พบได้ไม่บ่อยในการเกอดปฏิกิริยาแพ้รุนแรงต่ออะซิโธรมัยซิน
- มีผื่นขึ้นอาจคัน แดง บวม เป็นตุ่มพองหรือผิวลอก
- หายใจมีเสียงวี๊ด
- แน่นหน้าอกหรือลำคอ
- อาจมีปัญหาในการหายใจหรือพูดคุย
- บริเวณปาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้นหรือคอเริ่มบวม
วิธีจัดการกับผลข้างเคียง
สิ่งที่ต้องทำคือ:
- เมื่อรู้สึกคลื่นไส้ – ทานอาหารอ่อนๆและไม่ทานมากเกินไปหรือมีรสจัดในขณะรับประทานยาชนิดนี้
- ท้องเสียหรือเริ่มคลื่นไส้ – ดิ่มน้ำเยอะๆหรือน้ำผลไม้คั้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดน้ำ จิบน้ำบ่อยๆทละน้อยหากกำลังเริ่มคลื่นไส้ สีญญานของภาวะขาดน้ำคือการปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือปัสสาวะมีกลิ่นรุนแรง ไม่ควรทานยาทุกชนิดเพื่อรักษาอาการท้องเสียและคลื่นไส้โดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ไม่อยากอาหาร – รับประทานเมื่อคุณรู้สึกหิวจริงๆ สิ่งที่อาจช่วยได้คือแบ่งทานเป็นมื้อเล็กๆและบ่อยกว่าปกติ ทานอาหารว่างเมื่อหิว ด้วยอาหารว่างสารอาหารที่มีแคลลอรี่และโปรตีนสูง เช่นผลไม้แห้งและถั่ว
- ปวดศีรษะ – พักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ ปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอยาแก้ปวดหากจำเป็น ปรึกษาแพทย์หากมีอาการปวดศีรษะนานเกินกว่าหนึ่งสัปดาห์หรือมีอาการปวดรุนแรง
- รู้สึกมึนงงหรือเหนื่อยล้า – หากคุณรู้สึกเวียนมึนศีรษะเมื่อลุกขึ้นยืน ให้ลองค่อยๆลุกอย่างช้าๆหรือนั่งอยู่กับที่จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น หากคุณเริ่มมึนศีรษะให้นอนลงเพื่อไม่ให้หน้ามืด จากนั้นให้นั่งจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ไม่ควรขับรถหรือใช้อุปกรณ์เครื่องกลหากคุณรู้สึกเวียนศีรษะหรือเหนื่อยล้า ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หากพบว่าอาจทำให้อาหารแย่ลง
- การรับรู้รสชาติเปลี่ยนไป – ปรึกษาแพทย์หากสิ่งนี้สร้างความรำคาญให้แก่คุณ
หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่กำลังให้นมบุตร
อะซิโธรมัยซินปกติมักไม่แนะนำให้ใช้ในระหว่างตั้งครรภ์หรือขณะให้นมบุตร แต่แพทย์ก็อาจสั่งจ่ายยานี้หากพบว่าการรับประทานยาอะซิโธรมัยซินส่งผลมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง
ข้อควรระวังกับยาอื่นๆ
มียาบางชนิดที่ไม่ควรใช้ร่วมกับอะซิโธรมัยซิน
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณรับประทานยาดังต่อไปนี้ก่อนเริ่มต้นใช้ยาอะซิโธรมัยซิน:
- ยาลดกรดสำหรับอาหารไม่ย่อย
- ยาเออโกทามีนหรือยาไดไฮโดรเออร์โกตามีน -สำหรับไมเกรน
- วอร์ฟาริน -เพื่อเจือจางเลือดหรือป้องกันเลือดแข็งตัว
- ซิโคสปอรินหรือทาโครลิมัส – เป็นยาที่หยุดการเกิดปฏิกิริยารุนแรงเกินไปของระบบภูมิต้านทาน
- ยาโคลชิซินสำหรับโรคเกาต์
- ดิจ๊อกซินสำหรับหัวใจมีปัญหา
- ไรฟาบูติน – ยาปฏิชีวนะ
- เนลฟินาเวียร์ – ยาสำหรับโรคเอชไอวี
- ยาสแตตินเพื่อลดคอเรสเตอรอล – เช่น ซิมวาสแตตินและอะทอร์วาสแตติน
คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยหากคุณกำลังทานยาทึกชนิดสำหรับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น อะมิโอดาโรนหรือโซทาลอล
ยาอะซิโธรมัยซินในบางครั้งอาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรทานยานี้ร่วมกับยาอื่นๆที่อาจส่งผลข้างเคียงแบบเดียวกัน
เพราะเหตุดังกล่าวนี้เอง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังทานยาที่อาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจที่เป็นผลข้างเคียง
ซึ่งรวมไปถึง:
- ยาต้านเศร้า – เช่นไซตาโลแพรม
- ยาต้านอาการทางจิต – ใช้เพื่อรักษาอาการทางจิตใจแบบรุนแรง
- ยาแก้อาเจียนบางชนิด – เช่น ดอมเพอริโดน
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด – เช่น มอกซิฟลอกซาซิน
ตรวจสอบเอกสารกำกับยาที่มากับยาและปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์หากรู้สึกเป็นกังวล
การใช้อะซิโธรมัยซินร่วมกับสมุนไพรและอาหารเสริม
ยังไม่มีปัญหาที่ชัดเจนในการใช้ร่วมกับยารักษาสมุนไพรหรืออาหารเสริมที่เกิดขึ้นร่วมกับอะซิโธรมัยซิน
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/azithromycin-oral-tablet
- https://www.nhs.uk/medicines/azithromycin/
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-1527-2223/azithromycin-oral/azithromycin-600-mg-oral/details
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก