อาการเหน็บชา (Beriberi) เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดแคลนวิตามิน B1 หรือ ไทอะมีน เมื่อภาวะขาดสารอาหารดังกล่าวนี้อย่างรุนเเรงส่งผมทำให้ระบบประสาทและหัวใจทำงานผิดปกติ
อาการเหน็บชาภาษาอังกฤษใช้คำว่า beriberi มาจากภาษาสิงหลแปลว่า “อ่อนล้าอย่างรุนเเรง” ซึ่งเป็นทำให้ร่างกายเจ็บปวดอย่างรุนเเรงและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ในบทความนี้เราได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอาการเหน็บชาและสาเหตุรวมถึงวิธีการรักษา
อาการเหน็บชาคืออะไร
ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลมากกว่าปกติอาจมีอาการขาดเเคลนสารไทอะมีนได้
อาการเหน็บชาเป็นความผิดปกติที่รุนเเรงและอาจเป็นภัยอันตรายต่อชีวิตได้ ถ้าหากเกิดภาวะขาดแคลนไทอะมีนหรือวิตามิน B1 อย่างรุนเเรง
วิตามิน B1หรือไทอะมีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและได้รับมาจากการทานอาหาร ซึ่งไทอะมีนมีบทบาทหลักในการทำงานของร่างกายดังต่อไปนี้
- ย่อยคาร์โบไฮเดรต
- การหดของกล้ามเนื้อ
- ชักนำเซลล์ประสาท
- สร้างกลูโคส
- สร้างกรดเพื่อช่วยในระบบย่อยอาหาร
ดังนั้นการขาดแคลนวิตามิน B1 อย่างรุนเเรงจึงส่งผลทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ
ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการเหน็บชาอย่างรุนเเรงคือการขาดแคลนวิตามิน B1 หรือไทอะมีน สำหรับผู้ที่ขาดแคลนสารอาหารดังกล่าวหมายถึงผู้ที่ไม่มีไทอะมีนหรือวิตามิน B1 ในร่างกายมากกว่า 2-3 สัปดาห์
อาการเหน็บชาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
- อาการเหน็บชาชนิดเปียกหมายถึงอาการเหน็บชาที่ส่วนใหญ่ส่งผลกระทบกับระบบหมุนเวียนเลือดหลอดเลือดและหัวใจทำให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติและมีของเหลวคั่งค้างอยู่ในเนื้อเยื่อ
- เหน็บชาชนิดผอมแห็งหมายถึงอาการเหน็บชาที่ส่งผลต่อระบบประสาทเป็นหลักทำให้เส้นประสาทเสื่อม โดยปกติระบบประสาทเสื่อมเกิดจากการเกิดเนื้องอกที่แขนและขา นอกจากนี้ยังทำให้กล้ามเนื้อลีบและสูญเสียความยืดหยุ่นได้
สาเหตุของการเกิดเหน็บชา
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหน็บชาได้แก่การทานอาหารที่มีวิตามิน B1 ต่ำหรือร่างกายมีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมวิตามิน B1
โดยปกติโรคเหน็บชาพบได้น้อยมากในประเทศที่พัฒนาเเล้ว อย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกาที่คนส่วนใหญ่ทานอาหารประเภทขนมปังและซีเรียลที่อุดมไปด้วยสารอาหารเสริมอย่างไทอะมีน ดังนั้นโดยส่วนมากการทานอาหารประเภทเหล่านี้อย่างเพียงพอจึงเป็นการป้องกันภาวะขาดแคลนวิตามิน B1 ได้
ในประเทศที่พัฒนาเเล้วและสามารถเข้าถึงอาหารที่มีวิตามิน B1 อย่างเพียงพอ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการเหน็บชาคือการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินปกติ
สถาบันส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตได้ทำการประเมินพบว่า 80% ของผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าปกติมีโอกาสขาดแคลนวิตามิน B1 ได้ เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามิน B1 ได้ตามปกติ
นอกจากนี้เด็กทารกอาจมีอาการเหน็บชาได้เช่นกัน ถ้าหากได้รับนมจากแม่ที่ขาดแคลนไทอะมีนหรือดื่มนมที่ไม่มีวิตามิน
แม้ว่าโดยส่วนใหญ่อาการเหน็บชาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาชิกในครอบครัว มีโรคชนิดหนึ่งที่พบได้ยากมากเรียกว่าโรคเหน็บชาจากพันธุกรรม เป็นโรคที่ขัดขวางทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามิน B1 ได้จากอาหารที่ทานเข้าไป
คนกลุ่มอื่นที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเหน็บชาสูงได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน
อาการเหน็บชา อาการ t
อาการหายใจสั้นทำให้เกิดอาการเหน็บชาชนิดเปียกได้
อาการเหน็บชามีหลายอาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการเหน็บชาแต่ละประเภท
อาการเหน็บชาชนิดเปียกได้แก่:
- อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
- หมดแรงและอ่อนล้าอย่างต่อเนื่อง
- หายใจสั้น
- ตื่นนอนกลางดึกเนื่องจากอาการหายใจสั้น
- ขาและเท้าบวม
อาการเหน็บชาชนิดแห้งได้แก่:
- เกิดอาการเจ็บปวดร่างกาย
- อาเจียน
- เดินลำบาก
- สับสน งุนงง
- เกิดอาการชาที่มือหรือเท้า
- เป็นอัมพาตที่ขาส่วนล่าง
โรคเหน็บชาชนิด Wernicke Encephalopathy เป็นอาการเหน็บชาชนิดที่พบได้น้อยมาก ซึ่งเป็นภาวะที่สมองถูกทำลายเนื่องจากขาดวิตามิน บี 1 หรือไทอะมีนอย่างรุนเเรง
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเหน็บชาชนิด Wernicke Encephalopathy อาจมีอาการดังต่อไปนี้ได้แก่
- สูญเสียความทรงจำหรือไม่สามารถจดจำสิ่งใหม่ได้
- สับสน
- ตาขยับเร็วกว่าปกติ
- ตาขยับเอง
- เห็นภาพเบลอหรือเห็นภาพซ้อน
- การประสานของกล้ามเนื้อบกพร่อง
- เห็นภาพหลอน
การรักษาเหน็บชา
เป้าหมายของการรักษาอาการเหน็บชาคือการเพิ่มระดับไทอะมีนหรือวิตามิน B1 ในร่างกายให้สูงขึ้น โดยแพทย์อาจเเนะนำให้ทานอาหารเสริมหรือฉีดวิตามินบี 1 เข้าร่างกายเพื่อทำให้สุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริมชนิดอื่นร่วมด้วย
ในระหว่างทำการรักษา แพทย์อาจสั่งให้ตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบระดับไทอะมีนของผู้ป่วยจนกระทั่งผู้ป่วยมีระดับไทอะมีนในร่างกายเป็นปกติ หลังจากนั้นผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริมที่มีวิตามิน B1 ในปริมาณเล็กน้อยต่อไปหรืออาจเปลี่ยนการทานอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดไทอะมีนซ้ำ
นอกจากนี้แพทย์จำเป็นต้องรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากอาการเหน็บชาเช่นอาการที่เกิดจากความเสียหายของระบบประสาทและหัวใจ
การรักษาความผิดปกติของหัวใจเเละระบบประสาทที่เกิดจากอาการเหน็บชาโดยเร็วที่สุดสามารถทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคเหน็บชาได้ สำหรับผู้ที่ขาดแคลนวิตามิน B1 เรื้อรังยังคงมีอาการเหน็บชาเกิดขึ้นได้หลังจากได้รับการรักษา
บทสรุป
ทุกคนที่เคยมีอาการเหน็บชาควรไปพบเเพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยสาเหตุโดยเร็วที่สุด
ถ้าหากปล่อยให้เกิดอาการเหน็บชาโดยไม่ทำการรักษาอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้เนื่องจากอาการนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลวหรือระบบประสาทเสื่อมได้
ดังนั้นการรักษาอาการเหน็บชาจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า ในกรณีส่วนใหญ่การทำงานผิดปกติระบบประสาทและหัวใจสามารถฟื้นฟูได้ด้วยการรักษาอาการตั้งแต่เริ่มแรก อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เป็นโรคเหน็บชาเรื้อรังสามารถหายจากอาการดังกล่าวได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม
ถ้าหากภาวะขาดแคลนวิตามิน B1 ทำให้เกิดโรค Wernicke-Korsakoff ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้มักมีสุขภาพไม่แข็งเเรงเนื่องจากสมองถูกทำลายจากโรคดังกล่าวอย่างถาวร
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันภาวะขาดแคลนวิตามิน B1 ด้วยการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีสารอาหารครบถ้วนที่มีสารอาหารเสริมเช่นขนมปังและซีเรียล ซึ่งการทานอาหารเหล่านี้ช่วยป้องกันการเกิดอาการเหน็บชาได้
นี่คือที่มาในแหล่งบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/beriberi
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/325261
- https://medlineplus.gov/ency/article/000339.htm
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก