มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer) : อาการ สาเหตุ การรักษา

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer) : อาการ สาเหตุ การรักษา

05.02
2511
0

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ( Bladder cancer) คือ การเกิดเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะที่เป็นเนื้อร้าย มะเร็งกระเพาะปัสสาวะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และสามารถลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย หากไม่รีบรักษาอาจทำให้เนื้อเยื่อและอวัยวะเสียหายได้

กระเพาะปัสสาวะทำหน้าที่กักเก็บปัสสาวะจากไตก่อนขับออกไปจากร่างกายทางปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดเมื่อเซลล์ในเนื้อเยื่อกระเพาะปัสสาวะเริ่มแบ่งตัวจนไม่สามารถควบคุมได้

ประเภทของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมักเริ่มบริเวณเยื่อบุผิว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ในกระเพาะปัสสาวะ มีหลายประเภท แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ มะเร็งบริเวณเซลล์เยื่อหมวกไต (TCC)

มะเร็งบริเวณเซลล์เยื่อหมวกไต (TCC)

 คือ อาการมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุด เรียกอีกอย่างว่า มะเร็งท่อปัสสาวะ

มะเร็งชนิดนี้เริ่มที่เซลล์บริเวณด้านในของกระเพาะปัสสาวะจึงส่งผลต่อเยื่อบุของไต และท่อไต การวินิจฉัย ต้องได้รับการประเมินระบบทางเดินปัสสาวะทั้งหมดก่อน

มะเร็งบริเวณเซลล์เยื่อหมวกไตสามารถลุกลามหรือไม่ก็ได้ขึ้นกับว่าเซลล์มะเร็งแพร่กระจายเข้าไปในชั้นของเนื้อเยื่อประสานอารีโอลาร์ หรือชั้นกล้ามเนื้อได้หรือไม่  หากลุกลามจะทำการรักษาได้ยาก

มะเร็งชนิด Squamous cell carcinoma

 มะเร็งประเภทนี้มีโอกาสการเกิดประมาณ 1–2% เกิดเซลล์มะเร็งบริเวณชั้นเซล์ที่บาง ๆ บนเนื้อเยื่อของกระเพาะปัสสาวะ สามารถลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ได้

มะเร็งต่อมลูกหมาก

มะเร็งต่อมลูกหมาก พบประมาณ 1 % ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดขึ้นที่เซลล์ที่ทำหน้าที่หลั่งสารเมือก มะเร็งนี้มีสามารถลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ได้

มะเร็งชนิด Small cell carcinoma

มะเร็งประเภทนี้พบไม่ถึง 1% เป็นเซลล์ที่มีขนาดเล็ก ทำหน้าที่เป็นเซลล์ประสาท มะเร็งประเภทนี้มักขยายตัวได้รวดเร็ว และต้องได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด

มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน

เป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่พบได้น้อย เกิดบริเวณเซลล์กล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ

สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ยังไม่ทราบสาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่แท้จริง คาดว่าการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมอาจเป็นสาเหตุ

การสูบบุหรี่ และสัมผัสกับสารเคมีอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่นำไปสู่มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้คนในรูปแบบต่าง ๆ กัน

นักวิทยาศาสตร์ไม่คิดว่าพันธุกรรมเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่พวกเขาแนะนำว่าปัจจัยนี้อาจทำให้บุคคลแต่ละคนอ่อนไหวต่อผลกระทบจากบุหรี่ และสารเคมีอุตสาหกรรมบางประเภทแตกต่างกัน

ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

นักวิทยาศาสตร์ระบุปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะนั้นมาจากการสูบบุหรี่ คนที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า

  • ความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะยังเพิ่มขึ้นตามอายุ ประมาณ 90% ของผู้ป่วยมีอายุมากกว่า 55 ปี อายุเฉลี่ยที่เป็นโรคนี้คือ 73 ปี
  • ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่
  • ความผิดปกติแต่กำเนิดในกระเพาะปัสสาวะ
  • เคมีบำบัด และรังสีบำบัด
  • การระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะเรื้อรัง และการติดเชื้อ
  • การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิดอย่างในสิ่งแวดล้อม เช่น สารเอมีนในสารให้กลิ่น และสารหนูในน้ำดื่ม
  • การสัมผัสกับสารเคมีอุตสาหกรรมบางชนิด อย่างเช่นสารที่ใช้ในงานพิมพ์ ทาสี ทำผมและการทำงานของเครื่องจักร
  • เชื้อชาติ คนผิวขาวมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนแอฟริกัน อเมริกัน สเปน และโปรตุเกส
  • เพศชายมีความเสี่ยงสูงกว่าเพศหญิง
  • การบริโภคน้ำน้อยเกินไป
  • ประวัติส่วนตัว หรือครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
Bladder cancer

อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

อาการมะเร็งกระเพาะในระยะแรกอาการที่พบบ่อยมีดังต่อไปนี้

  • เลือดปะปนในปัสสาวะ : เป็นเรื่องปกติ อาจพบอาการเมื่อตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนสีได้อย่างสมบูรณ์

  • การขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ : ผู้ป่วยอาจปัสสาวะบ่อยผิดปกติ อาจมีอาการปัสสาวะไม่ไหลหรือไหลไม่หยุด หรืออาจมีอาการปวดหรือแสบร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะหลังอาจมีอาการดังต่อไปนี้:

อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะอาจคล้ายกับการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ สิ่งสำคัญคือพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเมื่อมีอาการ

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การรักษามีหลายวิธี และอาจใช้มากกว่า 1 วิธีรวมกัน ได้แก่:

  • ศัลยกรรม

  • เคมีบำบัด

  • การบำบัดทางธรรมชาติ

  • การรักษาด้วยรังสี

การรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ :

  • ตำแหน่งและระยะของมะเร็ง

  • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

  • วัยของผู้ป่วย

  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์

การรักษาด้วยการผ่าตัด

เป็นตัวเลือกในการรักษาที่พิจารณาตามอาการดังนี้:

  • ศัลยกรรมผ่านทางกล้องส่องกระเพาะปัสสาวะ ( TUR) : ใช้รักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะ 0 และ 1 โดยแพทย์จะสอดเครื่องมือผ่าตัดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะเพื่อกำจัดเนื้องอกขนาดเล็กและเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ และทำลายเซลล์มะเร็งทิ้ง

  • ศัลยกรรมตัดเอาถุงหรือกระเพาะปัสสาวะออก: ใช้รักษาเมื่อเซลล์มะเร็งมีขนาดใหญ่ หรือลุกลามลึกเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเอาถุงน้ำดี และกระเพาะปัสสาวะออกทั้งหมด หรือผ่าตัดเพียงเนื้อเยื่อมะเร็งออกไปเท่านั้น

  • ศัลยกรรมตกแต่ง: การรักษาที่ช่วยให้หลังการผ่าตัดถุงน้ำดีแล้ว ร่างกายยังสามารถกักเก็บและกำจัดปัสสาวะได้เอง โดยใช้เนื้อเยื่อในลำไส้มาทดแทนในกระเพาะปัสสาวะหรือบริเวณรอบ ๆ

การรักษาด้วยเคมีบำบัด

เคมีบำบัดใช้ยาส่งไปยังเป้าหมาย และกำจัดเซลล์มะเร็งหรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอก โดยศัลยแพทย์จะพิจารณาใช้ขั้นตอนการรักษานี้เพื่อผลข้างเคียงที่น้อยที่สุด

การใช้เคมีบำบัดยังสามารถรักษามะเร็งก่อนหรือหลังการผ่าตัดได้ ผู้ป่วยสามารถรับยาทางปาก ทางหลอดเลือดดำหรือผ่านกระเพาะปัสสาวะโดยการใช้สายสวนได้ (สวนไปตามท่อกระเพาะปัสสาวะ)

การรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะเริ่มต้น ด้วยการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง เป็นการรักษาทางชีวภาพหรือภูมิคุ้มกันบำบัด

รูปแบบการทำธรรมชาติบำบัดที่พบบ่อยที่สุดคือ การบำบัดด้วย Bacillus Calmette–Guerin (BCG) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้สายสวนนำแบคทีเรียเพื่อการรักษาเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ

แบคทีเรียจะเร้า และกระตุ้นให่ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน เพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ โดยปกติการรักษานี้จะต้องทำต่อเนื่อง ทุก ๆ สัปดาห์เป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ มักเริ่มต้นไม่นานหลังจากทำศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ผลข้างเคียงของการรักษาคือทำให้มีอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ และอ่อนเพลีย อาจมีอาการแสบร้อนในกระเพาะปัสสาวะร่วมด้วย

Interferon เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติ ระบบภูมิคุ้มกันทำให้โปรตีนกลุ่มนี้ต่อสู้กับอาการติดเชื้อ และเกิดสารสังเคราะห์ที่สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้บางครั้งอาจรักษาร่วมกับการใช้แบคทีเรีย

การรักษาด้วยรังสี

เป็นการรักษาที่มีอาการแทรกแซงน้อยกว่าการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะวิธีอื่น แพทย์อาจพิจารณาให้รักษาร่วมกับเคมีบำบัด สามารถจัดการเซลล์มะเร็งบริเวณผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะได้ เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้

การติดตามอาการมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับมาเป็นซ้ำ แพทย์มักแนะนำให้ตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอหลังการรักษา

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะอาจไม่สามารถรักษาได้เสมอไป และอาจลุกลามเป็นภาวะเรื้อรังได้ การเข้ารับการดูแลโดยแพทย์เป็นประจำจะช่วยควบคุมมะเร็งได้

สรุปภาพรวมมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

หากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจพบมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะ 0 โอกาสที่จะรอดชีวิตเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีหลังการวินิจฉัยคือ 95% แต่หากมะเร็งลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายโอกาสในการรักษาจะลดลง หากการวินิจฉัยเกิดขึ้นในระยะที่ 4 อัตราการรอดชีวิตจะลดลงเหลือ 15%

การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาที่ประสบความสำเร็จ แต่การรักษาก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *