โรคครูป (Croup) คืออาการอักเสบของกล่องเสียงและหลอดลมซึ่งส่วนใหญ่พบในเด็กเล็ก อาการไอแห้งที่เกิดจากการอุดตันของทางเดินหายใจในระดับที่แตกต่างกัน และทำให้เสียงแหบตามมาได้
ภาวะการติดเชื้อจากหลานสาเหตุคือสิ่งที่ทำให้เกิดโรคครูปได้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
อาการไอแห้งที่เป็นลักษณะหนึ่งของโรคครูปเป็นผลเนื่องมาจากอาการบวม และอักเสบ บริเวณเส้นเสียงและหลอดลม โดยปกติอาการจะดีขึ้นได้เองภายใน 2 – 3 วัน แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง
โรคครูปนั้นมักเกิดอาการกับเด็กได้ถึง 3 % โดยพบในเด็กที่มีอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 3 ปี
สาเหตุของโรคครูป
แบ่งตามสาเหตุหรือที่มาของอาการไอ ได้ดังนี้
โรคครูปจากเชื้อไวรัส
เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด
โรคครูปชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากเชื้อไวรัส อาการมักเกิดขึ้นทันที และมีเป็นช่วง ๆ อาการมักใกล้เคียงกับโรคอื่น ๆ จึงยากต่อการวินิจฉัย
นักวิจัยบางคนให้เหตุผลว่ากลุ่มอาการที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ นั้นอาจเชื่อมโยงกับสารก่อภูมิแพ้ อย่างเกสรดอกไม้ หรือผึ้งต่อย หรืออาการแพ้ต่อแอนติเจนของไวรัสแทนที่จะเป็นผลโดยตรงจากการติดเชื้อไวรัส
ไวรัส parainfluenza ชนิดที่ 1, 2 และ 3 คือสาเหตุของโรคครูปถึงร้อยละ 80
Human parainfluenza virus 1 (HPIV-1) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคครูป ไวรัสชนิดที่ 1 และ 2 ก่อให้เกิดโรคได้ถึง 66 % ไวรัสชนิดที่ 4 มีความเกี่ยวข้องกับโรคอนู่บ้าง แต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
ไวรัสต่อไปนี้มีโอกาสทำให้เกิดโรคครูป ได้แก่:
- ไวรัส RSV
- เมทานูโมไวรัส
- อินฟลูเอนซ่า A และ B
- อะดีโนไวรัส
- ไวรัสโคโรน่า
- ไมโคพลาสมา
รูปแบบของการติดเชื้อไวรัสที่พัฒนาจนเกิดโรคครูป:
- รับเชื้อไวรัสทางจมูกและลำคอ
- ไวรัสแพร่กระจายจากลำคอไปยังกล่องเสียง และหลอดลม
- การติดเชื้อบริเวณส่วนบนสุดของหลอดลม และทำให้เกิดอาการบวม
- ช่องว่างสำหรับอากาศเข้าสู่ปอดแคบลง
- เด็กแก้ไขอาการหายใจลำบากด้วยการหายใจเร็ว และลึกขึ้น ซึ่งนำไปสู่อาการของโรคครูป
- เด็กอาจกระสับกระส่ายหรือกระวนกระวายเนื่องจากหายใจได้ลำบาก การกระสับกระส่ายนี้สามารถทำให้ลำคอแคบลง หายใจลำบากขึ้น และยิ่งทำให้กระสับกระส่ายมากขึ้น
- ความพยายามหายใจให้เร็วขึ้น และหนักขึ้น จนรู้สึกเหนื่อย และในกรณีที่รุนแรงเด็กอาจหมดแรงและไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง
โรคครูปยังพบว่ามีความสัมพันธ์กับอาการทางพันธุกรรม อย่างอาการเป็น ๆ หาย ๆ และอาการแบบเฉียบพลัน มักพบได้บ่อยในเด็กที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคครูป ความเสี่ยงของการเกิดอาการเป็น ๆ หาย มาจากผลของโรคที่เคยเป็นมาก่อน
โรคครูปจากเชื้อแบคทีเรีย:
โรคครูปจากเชื้อแบคทีเรียเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งพบได้น้อยกว่าโรคไวรัสโคโรนา และสามารถแบ่งเป็นโรคหลอดลมอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย กล่องเสียงอักเสบ (laryngotracheobronchitis: LTB) หลอดลมอักเสบ (LTBP) และโรคคอตีบที่กล่องเสียง
การติดเชื้อแบคทีเรียมักมีอาการคล้ายคลึงกับการติดเชื้อไวรัส แต่โดยทั่วไปมักรุนแรงกว่า และต้องการรักษาด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน
กรณีส่วนใหญ่ของโรคครูปจากแบคทีเรีย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโรคหลอดลมคอติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมกันระหว่าง Staphylococcus aureus (S. aureus) และแบคทีเรียอื่น ๆ ได้แก่ S. pyogenes, S. pneumonia, Haemophilus influenza และ Moraxella catarrhalis
อาการของโรคครูป
อาการหลักของโรคครูปคือ “ไอแห้ง ๆ” ที่อาจเริ่มอย่างกะทันหันในเวลากลางคืน
เด็ก ๆ อาจมีอาการน้ำมูกไหล เจ็บคอ รู้สึกอึดอัด และมีไข้เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มมีอาการไอ โรคครูปมักมีอาการไม่รุนแรง และมีอาการน้อยกว่า 1 สัปดาห์ กรณีที่อาการรุนแรงมากขึ้น มักเกิดจากอาการหายใจลำบากเมื่อหลอดลมส่วนบนบวม
อาการที่ไม่รุนแรงในเด็ก 85 % ต้องตรวจวินิจฉัยอย่างเร่งด่วนจึงจะพบสัญญาณของโรคครูป โรคครูปที่รุนแรงพบได้ยาก และมีสัดส่วนต่ำกว่า 1 %ของผู้ป่วย
อาการอื่น ๆ นั้นรวมถึง:
- เสียงหายใจดังหรือแหบ เมื่อหายใจเข้าหรือที่เรียกว่า เสียงฮืด
- เสียงแหบ (Hoarseness)
- ปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจ
- หน้าอกขยับขึ้นและลงมากกว่าปกติในขณะหายใจ
- ผื่น
- เยื่อบุตาอักเสบ
- ต่อมน้ำเหลืองบวม
- อาการขาดน้ำ
- ระดับออกซิเจนต่ำ
- ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีฟ้าบริเวณนิ้วมือ เล็บเท้า ติ่งหู ปลายจมูก ริมฝีปาก ลิ้นและด้านในของแก้ม
- มีไข้เล็กน้อย ไม่ค่อยพบอาการไข้สูง
ภาวะแทรกซ้อนที่มาจากโรคครูป ได้แก่ ปอดบวม น้ำท่วมปอด และหลอดลมอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
การรักษาโรคครูป
กรณีที่มีอาการรุนแรงต้องไปพบแพทย์ แพทย์จะกำหนดแนวทางการรักษา และพิจารณาว่าผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่
โรคครูปที่ไม่รุนแรง มักสามารถรักษาได้เองที่บ้าน อาจกำหนดให้ใช้ยาเดกซาเมทาโซนในช่องปากเพียงครั้งเดียว แพทย์จะแนะนำผู้ปกครองเกี่ยวกับวิธีในการจัดการอาการของโรคและลักษณะอาการที่ควรพาผู้ป่วยมาพบแพทย์
การรักษาด้วยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
ยาเดกซาเมทาโซนเป็นยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์
จากการทดสอบแบบสุ่ม (RCTs) พบว่าการให้ยาเดกซาเมทาโซนในช่องปากเพียงครั้งเดียวในเด็กที่มีอาการไม่รุนแรง จะช่วยลดจำนวนเด็กที่ต้องมาพบแพทย์ได้ในช่วง 7 ถึง 10 วัน
กรณีที่เด็กอายุยังน้อย แต่มีโรคประจำตัว หรือดูไม่สบายมาก แพทย์อาจตรวจวินิจฉัยเพิ่มก่อนสั่งจ่ายยารักษา
ยาสเตียรอยด์ไม่ได้ช่วยให้อาการป่วยหายไวขึ้น แต่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและสามารถลดความรุนแรงของปัญหาการหายใจได้
การรักษาด้วยการดูแลที่บ้าน
มีวิธีการมากมายที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถจัดการกับอาการของโรคครูปที่บ้านได้
การใช้สติ ไม่ใช่อารมณ์ และพิจารณาอย่างมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ดูแลดูแลเด็กที่เป็นโรคครูป เนื่องจากเด็กเล็กที่เป็นโรคครูปมักหงุดหงิดง่าย และร้องไห้บ่อยจนทำให้อาการแย่ลงได้
เด็กที่มีหายใจดังไม่ควรให้นอนในท่านอนราบ
การรักษาด้วยแพทย์
กรณีที่ผู้ดูแลสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์:
- เด็กหายใจลำบากมาก
- เด็กตัวซีดหรือผิวเริ่มคล้ำ
- เด็กกระสับกระส่าย เพ้อหรือกระวนกระวาย
- กระดูกหน้าอกของเด็กกระเพื่อมในขณะหายใจ
- เด็กมีอุณหภูมิสูงและน้ำลายไหลตลอดเวลา
- เด็กกระวนกระวายมาก พร้อม ๆ กับปัญหาในขณะหายใจ
โดยทั่วไปโรครูปจะหายได้เองภายใน 48 ชั่วโมง แต่หากมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (URTI) จะมีอาการดังต่อไปนี้:
- อาการการหายใจลำบากขึ้น รวมถึงการหายใจถี่ ๆ และต้องออกแรงมากเพื่อหายใจ กล้ามเนื้อหน้าอกหรือคอเคลื่อนไหวอย่างแรงเพื่อหายใจในแต่ละครั้ง
- เด็กกระสับกระส่ายหรือกระวนกระวาย
- เด็กตัวซีดผิดปกติ
- ไข้สูงยังคงมีอยู่แม้ว่าจะให้ยาแก้ปวด acetaminophen หรือยาแก้อักเสบ ibuprofen
ผู้ดูแลควรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินหากพบว่าเด็กมีอาการดังต่อไปนี้:
- ผิวคล้ำ
- อาการเซื่องซึม
- ต้องพยายามเพื่อหายใจ
- น้ำลายไหล และไม่สามารถกลืนน้ำลายได้
ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อรักษาโรคครูป
ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาโรคครูปในระดับอาการปานกลางถึงรุนแรง ได้แก่:
ออกซิเจน: ใช้สำหรับเด็กที่มีภาวะออกซิเจนต่ำ และหายใจลำบาก
nebulized adrenaline หรือ epinephrine: ใช้ในกรณีที่มีอาการของโรคครูปรุนแรงเท่านั้น ต้องพิจารณาปรับปริมาณยาทุก ๆ 30 นาที เมื่อใช้รักษาอาการโรคครูปแบบเฉียบพลัน อะดรีนาลีนที่ถูกนำมาใช้ต้องได้รับพิจารณาอาการอยู่เรื่อย ๆ มีประโยชน์ในกรณีที่เด็กเป็นโรคครูปปานกลาง หรือรุนแรง
กลูโคคอร์ติคอยด์: Dexamethasone, budesonide และ prednisone เป็นยาที่มีประสิทธิภาพรักษาภายใน 12 ชั่วโมงเมื่อเริ่มมีอาการ
การใส่เครื่องช่วยหายใจ: เป็นวิธีการสอดท่อเข้าไปในทางเดินหายใจ การใส่เครื่องช่วยหายใจมักจำเป็นต้องใช้ประมาณ 1 %ของผู้ป่วยโรคครูป เมื่อการปัญหาการอุดตันของทางเดินหายใจ และไม่สามารถรักษาได้ด้วยรูปแบบการรักษาอื่น ๆ
(Acetaminophen) และ ibuprofen ใช้เพื่อควบคุมไข้ และอาการปวด ไม่แนะนำให้เช็ดตัวเพื่อควบคุมไข้
สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องได้รับของเหลวอย่างเพียงพอ เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ หรือเครื่องปรับความชื้นด้วยไอเย็น ใช้เพื่อบรรเทาอาการโรคครูป แต่อาจไม่สามารถรักษาอาการได้
ยาแก้ไอและยาลดน้ำมูกไม่ช่วยบรรเทาอาการของโรคครูป
ผู้ปกครองควรสังเกตว่าอาการเกิดขึ้นอย่างกะทันหันในตอนกลางคืนและสามารถหายได้เอง การให้เด็กอยู่ในที่ ๆ เย็นสบายในตอนกลางคืนจะช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบากได้เล็กน้อย
โดยปกติยาปฏิชีวนะไม่ได้ใช้เพื่อรักษาอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสเนื่องจากไม่มีประสิทธิภาพ เว้นแต่ใช้รักษาอาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแบบร่วมกันหลายเชื้อ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/croup/symptoms-causes/syc-20350348
- https://kidshealth.org/en/parents/croup.html
- https://www.nhs.uk/conditions/croup/
- https://www.healthline.com/health/croup
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก