ภาวะขนดก (Hirsutism) เป็นภาวะขนที่มีลักษณะหยาบหรือมีสีงอกขึ้นบนใบหน้าและร่างกายในผู้หญิง ซึ่งบางครั้ง อาจเป็นผลมาจากภาวะหรือโรคต่าง ๆ
ผู้หญิงส่วนใหญ่มีขนที่ละเอียด สีจาง ๆ บนใบหน้าและลำตัว แต่บางครั้ง ขนอาจหนาขึ้นและมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
ผู้ที่มีภาวะขนดกราวครึ่งหนึ่งเป็นคนที่มีแอนโดรเจนมากผิดปกติ ซึ่งโดยปกติแล้ว ฮอร์โมนเหล่านี้มักกระตุ้นพัฒนาการทางร่างกายและทางเพศในผู้ชาย โดยปกติแล้ว ผู้หญิงจะมีระดับแอนโดรเจนต่ำ แต่ระดับเหล่านี้ อาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุหลายประการ
หากมีแอนโดรเจนในระดับที่สูงก็จะไปกระตุ้นรูขุมขนมากขึ้นเช่นกัน จนทำให้ขนเติบโตมากกว่าปกติที่พบได้ในผู้หญิงโดยทั่วไป ทำให้ผู้หญิงมีขนเยอะ
ภาวะขนดกอาจเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงจำนวน 5 ถึง 10 ซึ่งขึ้นอยู่กับคำจำกัดความในท้องถิ่นและวัฒนธรรมของคำว่า “จำนวนขนปกติ” หรือจำนวนมากขนาดไหนจึงผิดปกติ เป็นต้น
ความชุกของขนจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน
อาการของภาวะขนดก
ขนดกเป็นภาวะที่มีการเติบโตของขนที่หนาขึ้นในผู้หญิงมากผิดปกติ
ผู้หญิงที่มีขนดกชนิดไม่รุนแรงอาจสังเกตเห็นการเติบโตของขนจำนวนมากที่ริมฝีปาก บนคาง บริเวณที่มีอาการจะรู้สึกแสบ และรอบหัวนม หรือท้องน้อย
ขนที่ขึ้นจะเป็นขนที่โตเต็มที่หรือมีสีเดียวกับผมที่งอกบนหนังศีรษะ
ขนดกชนิดรุนแรงจะเห็นว่ามีขนดกมากกว่าปกติบริเวณหลังส่วนบน ไหล่ หน้าอกและท้องส่วนบน และมักจะมีให้เห็นในช่วงวัยแรกรุ่น
หากภาวะขนดกเริ่มขึ้นก่อนหรือหลังวัยแรกรุ่นสาเหตุอาจเกิดจากปัญหาด้านฮอร์โมน ซึ่งแพทย์ควรประเมินอาการของโรค
นอกจากการเจริญเติบโตของขนที่โตผิดปกติแล้ว ผู้หญิงที่มีขนดกอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น:
- มีผิวมัน
- มีสิว
- มีขนร่วงหรือที่เรียกว่า ภาวะขนร่วง
- เริ่มมีภาวะหัวล้าน
- คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้น
- เสียงแหบห้าว
สาเหตุของภาวะขนดก
ระดับแอนโดรเจนที่เพิ่มขึ้นหรือรูขุมขนที่ไวต่อต่อฮอร์โมนแอนโดรเจนอาจทำให้เกิดภาวะขนดกได้
โดยปกติแล้ว ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนจะมีสูงมากในผู้ชาย แต่ผู้หญิงทุกคนก็มีฮอร์โมนตัวนี้อยู่ แต่ในระดับที่น้อยกว่า
ฮอร์โมนเพศชาย เช่น เทสโทสเตอโรนกระตุ้นการเจริญเติบโตของผมและเส้นขน เพิ่มขนาดของร่างกายให้ใหญ่ขึ้นและเพิ่มการเจริญเติบโตและการสร้างเม็ดสีให้กับเส้นผมและขน
อินซูลินในระดับสูง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ “ปลดล็อก” เซลล์เพื่อดูดซับพลังงานจากน้ำตาลอาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะขนดก อินซูลินช่วยกระตุ้นเซลล์รังไข่ให้ผลิตแอนโดรเจน
ซึ่งอาจเกิดขึ้นในผู้หญิงที่มีภาวะดื้ออินซูลิน เช่น ในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2
อินซูลินในระดับสูงอาจกระตุ้นตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตชนิด-ไอ (IGF-1) ที่คล้ายอินซูลินในเซลล์เดียวกันโดยจะเพิ่มการผลิตแอนโดรเจนในทำนองเดียวกัน
เนื่องจากโรคเบาหวานประเภท 2 อาจมีสาเหตุมาจากโรคอ้วน และจึงทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะขนดกได้เช่นกัน คอเลสเตอรอลสูงอาจมีบทบาทในการทำให้เกิดภาวะขนดกเช่นกัน
ภาวะขนดกอาจเป็นผลข้างเคียงของยาบางชนิด การบำบัดด้วยฮอร์โมนแอนโดรเจนที่มีส่วนผสมของเทสโทสเตอโรน ดีไฮโดรพีแอนโดรสเตอโรน (DHEA) หรือยาดานาโซลอาจมีส่วนทำให้ขนดก
ร่างกายผลิตดีไฮโดรพีแอนโดรสเตอโรน (DHEA) ตามธรรมชาติและบางคนก็ใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อต่อสู้กับภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุ เช่น โรคกระดูกพรุน ดานาโซล เป็นสเตียรอยด์สังเคราะห์ที่บางครั้งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทั้งยาทั้งฮอร์โมนที่กล่าวมาแล้วมีผลข้างเคียงคือเป็นตัวเร่งการทำงานของฮอร์โมนเพศชาย
ภาวะขนดกผิดปกติในผู้หญิงที่มีระดับแอนโดรเจนปกติ ประจำเดือนมาเป็นประจำและไม่มีอาการอื่นใดที่เรียกว่าภาวะขนดกโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งหมายความว่า ความผิดปกตินี้ไม่สามารถระบุสาเหตุได้
ภาวะขนดกไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติหรือโรคต่าง ๆ เสมอไป อย่างไรก็ตาม หากภาวะขนดกเกิดขึ้นก่อนวัยแรกรุ่น และหากมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับเพศชายอื่น ๆ เช่น มีเสียงแหบลึก อาจมีสาเหตุมาจากเนื้องอกได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ซึ่งในบางกรณี เนื้องอกของต่อมหมวกไตต่อมใต้สมองและรังไข่อาจทำให้เกิดขนดกได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะขนดกที่เกิดจากเนื้องอกจะรุนแรงกว่าและเริ่มมีอาการเร็วกว่าภาวะขนดกที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมน
การวินิจฉัยภาวะขนดก
การตรวจเลือดช่วยให้แพทย์ทราบระดับฮอร์โมนเพศชายและดีไฮโดรพีแอนโดรสเตอโรนในร่างกายได้
โดยแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติคนไข้ก่อน โดยเน้นถามเรื่องของรอบเดือนเป็นพิเศษ หากมีประจำเดือนมาเป็นประจำ ภาวะขนดกน่าจะมีสาเหตุทางพันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์ได้
หากประจำเดือนมาไม่ปกติ สาเหตุของภาวะขนดกอาจมาจากกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS)
หากทั้งภาวะขนดกและภาวะความผิดปกติของประจำเดือนเริ่มมีอาการได้ไม่นาน และหากประจำเดือนไม่มาแล้ว แพทย์อาจตรวจหาภาวะหรือโรคต่าง ๆ ที่อาจร้ายแรงกว่านี้ เช่น เนื้องอกในรังไข่ต่อมหมวกไตหรือต่อมใต้สมอง เป็นต้น
โดยการวัดระดับฮอร์โมนเพศชายและดีไฮโดรพีแอนโดรสเตอโรนในเลือด แพทย์สามารถตรวจหากลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ เนื้องอกรังไข่ เนื้องอกในต่อมหมวกไตหรือเนื้องอกที่ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมหมวกไตได้
ในผู้ป่วยที่มีภาวะขนดกไม่มากซึ่งไม่มีอาการอื่นใดที่บ่งชี้ว่ามีการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนมากเกินไปอาจไม่จำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติม
หากจำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติมก็จะเป็นการตรวจเลือดซ้ำ ๆ หลายครั้งเพื่อดูความบกพร่องของฮอร์โมนต่อมหมวกไต ซึ่งอาจทำให้ต่อมหมวกไตเจริญเติบโตผิดปกติ
แพทย์อาจตรวจระดับฮอร์โมนโปรแลคตินเพื่อตรวจหาสัญญาณของเนื้องอกในต่อมใต้สมองด้วย นอกจากนี้ ยังอาจตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและระดับคอเลสเตอรอลเพิมเติม
แพทย์อาจใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการเนื้องอกหรือความผิดปกติทางร่างกายที่เป็นสาเหตุของภาวะขนดก ได้:
- การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง
- การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ต่อมหมวกไต
- การตรวจอัลตราซาวนด์รังไข่
- การรักษาภาวะขนดก
หากสาเหตุจำเพาะของภาวะขนดกชัดเจน แพทย์อาจแนะนำการรักษาที่เหมาะกับสาเหตุของโรค
หากมีระดับอินซูลินสูง การไปลดระดับอินซูลินอาจทำให้เกิดการลดขนดกได้
ผู้หญิงที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงอาจพบว่าโปรแกรมลดน้ำหนักช่วยลดระดับแอนโดรเจนและทำให้เกิดอาการขนดกได้
การรักษาด้วยศาสตร์ด้านความงาม
การแว็กซ์เป็นอีกตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพแต่เป็นวิธีที่เจ็บเพราะเป็นการดึงขน
ภาวะขนดกอาจทำให้เกิดเครียดหรืออายได้ แต่การรักษาด้วยเครื่องสำอางและการแพทย์บางอย่างอาจช่วยลดระดับแอนโดรเจนหรือผลกระทบต่อรูขุมขนได้
การรักษาบางอย่างได้ผลดีกับภาวะขนดกไม่มาก เช่น :
- การถอนขน
- การโกน
- การแว็กซ์ขน
- การใช้สารเคมีทำให้ขนนุ่มลง
- การใช้ครีมกำจัดขน
อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ นอกจากนี้ ยังต้องทำซ้ำ ๆ เป็นประจำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เราควรแว็กซ์ขนทุกๆ 4 ถึง 6 สัปดาห์เพื่อป้องกันไม่ให้ขนเหล่านี้งอกกลับออกมา
และมีเทคนิคการกำจัดขนด้วยเลเซอร์โดยจะใช้แสงสร้างความร้อนในรูขุมขนและทำลายความสามารถในการผลิตขนขึ้นมา
การรักษาด้วยเลเซอร์จะได้ผลดีกว่ากับผิวหนังบางประเภท แต่การทำเลเซอร์ ขนก็ยังสามารถงอกกลับมาใหม่ได้ ทั้งนี้การทำเลเซอร์มีราคาแพงและใช้เวลานาน และการรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องได้รับบริการจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่ง
อย่างไรก็ตาม ผลของการทำเลเซอร์จะอยู่ได้นานกว่าการกำจัดขนด้วยครีมกำจัดขน การโกนหนวดหรือแว็กซ์
อิเล็กโทรลิซิสยังสร้างความร้อนเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเส้นผมภายในรูขุมขน แต่วิธีการรักษาจะใช้ไฟฟ้าแทนการใช้แสงหรือรังสี กระแสไฟฟ้าได้รับความนิยมน้อยกว่าการรักษาด้วยเลเซอร์เนื่องจากอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้
ยาบางชนิดอาจเปลี่ยนแปลงผลกระทบของแอนโดรเจนในร่างกายและผิวหนังได้
ยาคุมกำเนิดแบบผสมซึ่งมีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนช่วยต่อต้านผลของแอนโดรเจนและลดการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในรังไข่ได้ ภาวะขนดกอาจดีขึ้นหลังจากทานยาคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่อง 6 ถึง 12 เดือน ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างใกล้ชิด
โดยอาจใช้ยาต้านแอนโดรเจนเพียงอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับยาคุมกำเนิดก็ได้
โดยปกติแล้ว แพทย์จะจ่ายอัลดัคโทนให้คนที่มีภาวะขนดกใช้แต่ก็อาจเลือกทางเลือกอื่นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ อย่าทานยาต้านแอนโดรเจนในระหว่างตั้งครรภ์
การป้องกันภาวะขนดก
การควบคุมภาวะขนดกไม่สามารถทำได้เสมอไป อย่างไรก็ตาม การทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและและครบ 5 หมู่ และการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคคอเลสเตอรอลสูงและโรคเบาหวานได้
การเลี่ยงใช้ยาที่ไม่จำเป็นและเป็นยาที่เป็นสาเหตุของภาวะขนดกยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขนดกได้อีกด้วย
โดยสามารถใช้เทคนิคการกำจัดขนเดียวกันได้ เช่น:
- การถอนขน
- การโกน
- การแว็กซ์ขน
- ใช้สารเคมีทำให้ขนนุ่ม
- ใช้ครีมกำจัดขน
- การกำจัดขนด้วยเลเซอร์
- กำจัดขนด้วยกระแสไฟฟ้า
การลดน้ำหนักอาจมีประโยชน์เพราะช่วยลดระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดภาวะขนดกได้
บางรายอาจต้องปรึกษาแพทย์โดยแพทย์จะดูว่า ยาต้านแอนโดรเจนหรือยาเกี่ยวกับฮอร์โมนนั้นเหมาะสำหรับรักษาภาวะขนดกที่ไม่ทราบสาเหตุหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก