อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) คือ ยาที่ช่วยลดความเจ็บปวด ความรู้สึกไม่สบายตัว และช่วยให้นอนหลับสบาย
สามารถปรึกษาถึงประโยชน์ และความเสี่ยงของการใช้ อะมิทริปไทลีนกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนที่จะเริ่มใช้ในการรักษา เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
อะมิทริปไทลีนเป็นยาประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Tricyclic Antidepressant โดยพัฒนาขึ้นเพื่อรักษาความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า แต่เมื่อรับประทานในขนาดต่ำจะสามารถลด หรือหยุดอาการปวดได้
อะมิทริปไทลีนทำงานโดยการเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเซโรโทนินเป็นสารเคมีสื่อประสาทที่สมองส่งออกไปยังเส้นประสาทในร่างกาย สามารถจะปรับปรุงอารมณ์ สภาวะทางอารมณ์ การนอนหลับ และวิธีที่ร่างกายตอบสนองต่อความเจ็บปวดได้
อะมิทริปไทลีนเพิ่มระดับเซโรเทนินทำให้เกิดการเปลี่ยนปฏิกิริยาของร่างกายต่อความเจ็บปวด ขนาดยาต่ำจะไม่สามารถรักษาอาการซึมเศร้าได้ แต่ใช้ในการลดอาการปวดคลายกล้ามเนื้อ และทำให้การนอนหลับดีขึ้น
การใช้ในขนาดที่เหมาะสมสามารถช่วยผู้ใหญ่หรือเด็กได้อย่างปลอดภัย ช่วยให้ง่วงนอนได้ทันทีที่เริ่มรับประทาน แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อความเจ็บปวด และอารมณ์ของอาจจะต้องใช้เวลายาวนานถึง 6 สัปดาห์
อะมิทริปไทลีนถูกกำหนดไว้สำหรับความเจ็บปวดระยะยาวของกล้ามเนื้อหรือกระดูกของคุณ โดยได้แก่
- โรคข้ออักเสบ
- อาการปวดหลัง
- โรคไฟโบรมัยอัลเจีย
- อาการปวดศีรษะ และไมเกรน
- ความเสียหายต่อปลายประสาทในแขนขา หรือโรคระบบประสาทส่วนปลาย
ไม่ควรใช้อะมิทริปไทลีนถ้ามีอาการเหล่านี้
- เคยมีอาการแพ้ยามาก่อน
- มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เพราะอาจทำให้แย่ลงได้
- โรคอารมณ์สองขั้วที่ไม่สามารถควบคุมได้
- โรคพอร์ไฟเรียที่แสดงถึงความผิดปกติของเลือดที่มีผลต่อระบบประสาทซึ่งพบได้ยาก
- มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต
- โรคลมบ้าหมูที่เสี่ยงต่ออาการชัก
- เคย หรือกำลังรับการรักษาภาวะซึมเศร้า เนื่องจากยาบางชนิดจะทำให้ขัดขวางการทำงานของอะมิทริปไทลีน
- โรคต้อหิน เนื่องจากสามารถเพิ่มความดันในตาได้
- มีอารมณ์แปรปรวนรุนแรงคิดทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตาย
หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงอะมิทริปไทลีน
การใช้ Amitriptyline
อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) อาจะอยู่ในรูแบบเม็ด หรือของเหลวก็ได้ โดยทั่วไปแพทย์จะสั่งให้รับประทาน 1-2 ชั่วโมงก่อนการนอน เพราะจะทำให้เกิดอาการง่วง หากพบว่านอนไม่เพียงพอ ให้ปรับตัวด้วยการเข้านอนให้เร็วขึ้น
อะมิทริปไทลีนใช้ในปริมาณที่ต่ำ เพื่อบรรเทาอาการปวด ต่างกับภาวะซึมเศร้าที่ต้องใช้ในปริมาณมาก แพทย์จะเริ่มให้รับประทานในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และค่อยๆ เพิ่มจนกว่าจะสามารถระงับอาการปวดได้ โดยปริมาณที่กำหนดขึ้นกับอาการ อายุ และน้ำหนักตัว โดยยาอาจจะใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์กว่าจะเห็นผลลัพทธ์
อาจจะต้องใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจนกว่าจะดีขึ้น โดยสามารถใช้ได้นานเป็นเดือนหรือปี โดยไม่มีผลข้างเคียง นี่ไม่ใช่ยาเสพติด แต่คุณอาจได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หากหยุดรับประทานโดยกะทันหัน หากพบปัญหาควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดรับประทานทันที แพทย์จะแนะนำให้ลดขนาดยาลงอย่างช้าๆ ทั้งนี้ขึ้นกับระยะเวลาที่เคยใช้มา
ถ้าลืมรับประทาน Amitriptyline
พยายามรับประทานทันทีที่จำได้ ยกเว้นว่ากำลังจะถึงเวลาสำหรับการรับประทานยาครั้งต่อไป หรือคุณกำลังจะขับรถ หรือใช้เครื่องจักร ในกรณีเหล่านี้ให้เว้นไปเลย และรับประทานครั้งต่อไปตามปกติ
อย่ารับประทาน 2 เท่า ในเวลาเดียวกัน หรือรับประทานยา เพื่อชดเชยกับสิ่งที่พลาดไป
หากมีปัญหาเรื่องการลืมรับประทานยา สามารถตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนให้รับประทานยาได้
ผลข้างเคียง และความเสี่ยงของ Amitriptyline
อะมิทริปไทลีนเป็นยาที่โดยทั่วไปผู้ใช้ไม่พบปัญหาข้างเคียง – แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เหมือนกับยาอื่นๆ คนทั่วไปร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับการรักษาได้ แต่หากอาการเหล่านี้ทำให้มีปัญหา หรือไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรทันที
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่
- ท้องผูก
- เวียนศีรษะ
- ปากแห้ง
- รู้สึกง่วงนอน
- ไม่สบายตัว
- ปวดศีรษะ
บางคนพบว่า ยาทำให้มีความอยากอาหาร และน้ำหนักเปลี่ยนแปลงเมื่อเริ่มรับประทาน โปรดปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรหากน้ำหนักเปลี่ยนแปลงจนกังวลใจ เนื่องจากอะมิทริปไทลีนสามารถทำให้ง่วงนอนได้ 2-3 วันของการเริ่มรับประทาน ควรงดการขับขี่ และการใช้เครื่องจักร จนกว่าจะทราบว่ามันมีผลอย่างไร
ถ้าเป็นไปได้ควรเริ่มรับประทานในช่วงที่วันถัดไปไม่ใช่วันทำงาน และหากมีอาการรุนแรงดังต่อไปนี้ควรพบแพทย์โดยทันที
- อ่อนแรงที่ร่างกายด้านในด้านหนึ่ง
- มองภาพเบลอ
- พบปัญหาในการพูด การคิด หรือทรงตัว
ต่อไปนี้เป็นอาการรุนแรงเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง โปรดเรียกสายด่วน 1669 หรือไปโรงพยาบาลทันทีที่มีอาการฉุกเฉินต่อไปนี้
- หัวใจเต้นเร็ว หรือผิดปกติ
- ผิวเหลืองหรือตาขาว – สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับตับ
- ปวดศีรษะ มึนงง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง หรืออาการชัก – สัญญาณของระดับโซเดียมต่ำในเลือดของคุณ
- ความดันโลหิตต่ำ
- คิดทำร้ายตัวเอง
- ปวดตา ตาบวม หรือแดง
- ท้องผูกอย่างรุนแรง
- อาการเจ็บปวดอื่นๆ ที่ทนไม่ได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a682388.html
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-8611/amitriptyline-oral/details
- https://www.nhs.uk/medicines/amitriptyline-for-pain/
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก