ปวดกระดูก (Bone Pain) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ปวดกระดูก (Bone Pain) : อาการ สาเหตุ การรักษา

14.01
2757
0

คำจำกัดความของอาการปวดกระดูก (Bone Pain) คือความเจ็บปวดความอ่อนน่วม หรือความรู้สึกไม่สบายอื่นๆ ในกระดูก

สาเหตุที่สำคัญที่สุดของอาการปวดกระดูกคือมะเร็งกระดูก โรคนี้มักเกิดขึ้นกับกระดูกยาวของต้นแขนหรือขา แต่อาจส่งผลต่อกระดูกอื่นๆ ได้ด้วย เมื่อเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในกระดูกเรียกว่ามะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมิ

อาการปวดที่เกิดจากมะเร็งกระดูกอาจมีอาการดังต่อไปนี้:

  • เริ่มรู้สึกอ่อนน่วมในกระดูก

  • เจ็บกระดูกตลอดเวลาและปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

  • ปวดอย่างต่อเนื่องในตอนกลางคืนและเมื่อพักผ่อน

  • ปวดกระดูกทั้งตัว

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

ควรไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้:

  • ปวดกระดูกอย่างรุนแรง

  • มีอาการปวดกระดูกไม่หาย และปวดอยู่ตลอดเวลา

  • มีอาการปวดตัวปวดกระดูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากมีอาการบวม หรือแดงในบริเวณรอบๆ กระดูกที่ปวด หรือหากมีกระดูกหักหลังจากได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

มีสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้อีกไหม?

มีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เกิดอาการปวดกระดูก ได้แก่:

  • ข้ออักเสบ (Arthritis)

  • มะเร็งกระดูกชนิดทุติยภูมิ (หรือระยะแพร่กระจาย) ซึ่งเป็นมะเร็งที่ลุกลามไปยังกระดูกหลังจากเกิดขึ้นในส่วนอื่นของร่างกาย

  • a fracture following an accident or another trauma injury กระดูกหักหลังจากได้รับอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บจากบาดแผลอื่นๆ

  • การติดเชื้อ

  • มะเร็งเม็ดเลือดขาว ( Leukemia ) เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เริ่มเป็นในไขกระดูก

  • การติดเชื้อที่กระดูกเรียกว่า osteomyelitis

  • โรคกระดูกพรุน ( Osteoporosis )  ซึ่งเกิดจากภาวะการขาดแคลเซียม (calcium) และวิตามินดี (vitamin D) ทำให้กระดูกเปราะ

  • โรคที่ขัดขวางไม่ให้เลือดเข้าไปเลี้ยงกระดูกเลือดไปเลี้ยงกระดูก เช่น โรคโลหิตจางชนิด sickle cell  anemia

  • กระดูกหักที่มีสาเหตุของการบาดเจ็บมาจากการบิด ที่มักเกิดกับเด็กในวัยหัดเดินที่เรียกว่า Toddler’s fracture

  • ความเจ็บปวดที่เพิ่มมากขึ้นในเด็กและวัยรุ่น

  • กระดูกถูกใช้งานมากเกินไป

อาการของมะเร็งกระดูก

นอกจากปวดกระดูกแล้ว อาการเหล่านี้ก็อาจเป็นข้อบ่งชี้ของมะเร็งกระดูกได้ :

  •  บวม แดง หรืออักเสบ inflammation (redness) ในกระดูก หรือบริเวณรอบกระดูกที่ได้รับผลกระทบ

  • มีก้อนบวมบนกระดูก หรือใกล้กับบริเวณที่ใกล้กับกระดูกที่ได้รับผลกระทบ

  • กระดูกหักหลังจากหกล้มหรือได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมะเร็งกระดูกทำให้กระดูกเปราะ

อาการอื่นๆ ที่พบได้น้อย ซึ่งอาจรวมถึง :

  • มีไข้ ( fever ) หรือมีอาการหนาวสั่น

  • เหนื่อยล้า fatigue

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • มีเหงื่อออกในเวลากลางคืน

ทางเลือกในการรักษามะเร็งกระดูก

จุดมุ่งหมายในการรักษามะเร็งกระดูก เพื่อบรรเทาอาการปวด รักษากระดูกที่หัก ป้องกันหรือชะลอภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ของกระดูก

มะเร็งกระดูกมีแนวทางในการรักษาแตกต่างกันไปตามชนิดและระยะการลุกลามของมะเร็งในร่างกาย

ซึ่งรวมถึง:

  • การผ่าตัด Surgery: เป็นการเอาส่วนของมะเร็งกระดูกออก ซึ่งศัลยแพทย์อาจจะทำการปลูกถ่ายเซลล์กระดูกขึ้นมาใหม่ภายหลังการผ่าตัด แต่ในบางครั้งก็มีความจำเป็นต้องตัดกระดูกบางส่วนออกไป

  • การทำเคมีบำบัด: เป็นการรักษามะเร็งโดยใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์และเนื้อเยื่อมะเร็ง

  • การใช้รังสีบำบัด: เป็นการรักษามะเร็งโดยใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง

  • การรักษาด้วยยา Mifamurtide: ยา mifamurtide เป็นยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งกระดูกชนิดออสทีโอซาร์โคมา (osteosarcoma)โดยเฉพาะ การรักษาแบบนี้ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้โจมตีและฆ่าเซลล์มะเร็ง

ทางเลือกในการรักษาสำหรับสาเหตุอื่น

การรักษาอาการปวดกระดูกที่ไม่ได้เกิดมะเร็ง มักจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด

การวินิจฉัยของแพทย์จะเป็นข้อกำหนดทิศทางการรักษา ซึ่งอาจประกอบด้วย:

  • การให้ยาแก้อักเสบ

  • การให้ยาปฏิชีวะนะ antibiotics

  • การให้ยาบรรเทาปวดหรือยาแก้ปวด

  • การให้ฮอร์โมน

  • การให้อาหารเสริม แคลเซียม และวิตามินดี (สำหรับโรคกระดูกพรุน)

  • การให้ยากันชัก ซึ่งอาการปวดกระดูกมักมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเส้นประสาท

  • การให้ยา corticosteroids

  • การให้ยารักษาอาการซึมเศร้า antidepressants

แนวโน้ม

แนวโน้มของมะเร็งกระดูกอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ:

  • อายุ

  • ชนิดของมะเร็งกระดูก

  • ระยะของมะเร็งที่ลุกลามในร่างกาย

  • โอกาสที่มะเร็งจะลุกลามต่อไป

มะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมิพบได้น้อยมาก สอดคล้องกับรายงานข้อมูลของ American Cancer Society  ที่ระบุว่า ในปี 2019 มีผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมิประมาณ 3,500 คน  ซึ่งคิดเป็น 0.2 เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งทั้งหมด

ผู้ป่วยมะเร็งในระยะที่ยังไม่ลุกลามและมีสุขภาพดี มีแนวโน้มที่จะได้รับการรักษาที่ตรงจุดมาก และมีโอกาสหายจากโรค

จากสถิติพบว่า ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมิจะมีชีวิตอยู่ได้ 1 ปีขึ้นไป ในขณะที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์มีชีวิตอยู่ได้ 5 ปีหรือยาวนานกว่านั้น

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *