

ประจำเดือนมากผิดปกติ (Menorrhagia) คือ การมีประจำเดือนมากและนาน จนมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ในรอบประจำเดือนหนึ่ง จะเสียเลือดประมาณ 30-40 มิลลิลิตร หรือ 2-3 ช้อนโต๊ะ ในช่วงการมีประจำเดือน 4-5 วัน แต่การมีประจำเดือนเยอะผิดปกติ คือมีเลือดออกมากกว่า 80 มิลลิลิตรในหนึ่งรอบเดือน หรือปริมาณสองเท่าของปกติ
แต่ส่วนใหญ่ปัญหาที่ผู้หญิงไปพบแพทย์ คือการที่ประจำเดือนมามาก มีกระทบต่อการดำเนินชีวิต ในบางคนประจำเดือนมานานผิดปกติ
คำจำกัดความอีกอย่างหนึ่ง น่าจะเป็น “การมีประจำเดือนมามากกว่าที่ ผู้หญิงจะจัดการได้” คือนานเกิน 7 วันและต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชั่วโมงหรือมากกว่า
และมักมีก้อนเลือดขนาดเท่าเหรียญสิบบาทหรือใหญ่กว่าออกมากับประจำเดือนด้วย อาจมีภาวะเลือดจางจากการเสียเลือดด้วย
ประจำเดือนมากผิดปกติ พบได้บ่อย ผู้หญิงครึ่งหนึ่งที่มีอาการนี้หาสาเหตุไม่พบ แต่ก็อาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงได้
สาเหตุของประจำเดือนมามาก
ประจำเดือนมากผิดปกติ จะเกิดในรอบประจำเดือนที่ไม่มีการผลิตไข่ (anovulation) ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลย์ เกิดบ่อยในผู้ที่:
-
เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน
-
กำลังจะหมดประจำเดือน
สาเหตุอื่นๆของประจำเดือนมากผิดปกติ อาจเกิดจาก
-
ฮอร์โมนไม่สมดุล : หากมีการเปลี่ยนแปลงของโปรเจสเตอโรน และเอสโตรเจน เยื่อบุมดลูกจะหนาขึ้น ทำให้ประจำเดือนออกมากขึ้น
-
ความผิดปกติของรังไข่: หากรังไข่ไม่ผลิตไข่ในรอบเดือนนั้น โปรเจสเตอโรนจะไม่หลั่ง ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุล
-
ติ่งเนื้อในมดลูก: ติ่งเนื้อทำให้ระดับฮอร์โมนสูงขึ้น
-
มดลูกโต: จากการที่ต่อมในชั้นผนังมดลูกเติบโตเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
-
การใส่ห่วงคุมกำเนิดแบบไม่มีฮอร์โมน: กระตุ้นให้เกิดประจำเดือนมากผิดปกติได้
-
การอักเสบในช่องเชิงกราน: การอักเสบของระบบสืบพันธุ์ที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
-
ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์: เช่นการแท้ง หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
-
มะเร็ง:มะเร็งมดลูก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งรังไข่ มีผลต่อระบบสืบพันธุ์
-
ภาวะเลือดออกผิดปกติจากพันธุกรรม: เช่นVon Willebrand’s ซึ่งมีความผิดปกติของเกล็ดเลือด(ที่ช่วยให้เลือดหยุด)
-
ยา: เช่นยาต้านการอักเสบ และยาต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกมาก
ภาวะสุขภาพอื่นๆที่กระตุ้นการมีประจำเดือนมากผิดปกติ เช่น โรคของต่อมไทรอยด์เป็นพิษ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และโรคตับหรือโรคไต
อาการประจำเดือนมามาก
อาการและอาการแสดง เช่น
-
เลือดออกมากทางช่องคลอด จนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมงติดต่อกันหลายชั่วโมง
-
เลือดออกมากจนต้องใช้ผ้าอนามัยซ้อนกันสองผืน
-
ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยกลางดึก
-
เลือดออกนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
-
มีก้อนเลือดขนาดเท่าเหรียญสิบบาทหรือใหญ่กว่าออกมาจากช่องคลอด
-
ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติได้เพราะประจำเดือนออกมาก
-
มีอาการและอาการแสดงของโลหิตจาง เช่นเหนื่อยอ่อน กล้ามเนื้อล้าและหายใจตื้น
-
ปวดท้องและบริเวณเชิงกรานตลอดเวลา
หากการมีเลือดออก รบกวนการใช้ชีวิตและการสังคมตามปกติ หรือทำให้มีปัญหาด้านอารมณ์ ควรไปพบแพทย์
การรักษาอาการประจำเดือนมามาก
การรักษาประจำเดือนไม่ปกติขึ้นกับภาวะของผู้ป่วยแต่ละคน
การให้ยา
-
ยาเสริมธาตุเหล็กเพื่อแก้ปัญหาเลือดจาง
-
Tranexamic acid หรือ Lysteda ในขณะที่มีเลือดออก ช่วยลดการสูญเสียเลือด
-
ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน เพื่อปรับรอบเดือน และลดจำนวนและเวลาของการเลือดออก
-
โปรเจสเตอโรนชนิดรับประทาน เพื่อปรับสมดุลย์ฮอร์โมน และลดเลือดออก
-
ใส่ห่วงคุมกำเนิดชนิดมีฮอร์โมน เพื่อทำให้ผนังมดลูกบาง ลดเลือดออกและการเกร็งของมดลูก
ผู้หญิงที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น Willebrand’s disease หรือฮีโมฟิเลียอย่างอ่อน การใช้ยาพ่นจมูก Desmopressin หรือ Stimate ช่วยเพิ่มระดับโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัว
ยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ เช่น ibuprofen หรือ Advil ใช้รักษาการปวดประจำเดือน และช่วยลดการเสียเลือด แต่ยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเลือดออกได้
กระบวนการทางศัลยกรรม
กระบวนการทางศัลยกรรมหลายชนิดช่วยรักษาหรือลดอาการประจำเดือนมากผิดปกติ เช่น
-
การขูดมดลูก คือการขูดเยื่อบุมดลูกช้ันในออก
-
การอุดเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมดลูก รักษาเนื้องอกมดลูกซึ่งเป็นสาเหตุของประจำเดือนมากผิดปกติ โดยการอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้องอก
-
การส่องกล้องเข้าไปในมดลูก เพื่อดูความหนาของเยื่อบุ ช่วยตัดเนื้องอก ติ่งเนื้อ หรือเยื่อบุมดลูก
-
อัลตราซาวด์ ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ เพื่อฆ่าเซลล์เนื้องอก
-
การตัดเนื้องอกมดลูก โดยวิธีผ่าตัดทางช่องท้องแบบรูเล็ก แบบปกติ หรือผ่านทางช่องคลอด
-
การจี้ที่เยื่อบุมดลูก เพื่อทำลายเยื่อบุมดลูกอย่างถาวร
-
การเลาะเยื่อบุมดลูกออก โดยใช้เครื่องมือลวดไฟฟ้า เพื่อเอาเยื่อบุมดลูกออก
-
การตัดมดลูก ตัดมดลูกและปากมดลูก บางครั้งตัดรังไข่ด้วย
การเลือกใช้วิธีใด ขึ้นกับสาเหตุ อาการ อายุและสุขภาพของผู้ป่วย รวมทั้งความชอบและความคาดหวังของผู้ป่วยด้วย
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/menorrhagia/symptoms-causes/syc-20352829
-
https://www.cdc.gov/ncbddd/blooddisorders/women/menorrhagia.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก