- 1. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
- 2. เป็นแหล่งของโอเมก้า 3
- 3. อาจช่วยลดการอักเสบ
- 4. ทำให้สุขภาพลำไส้ดีขึ้น
- 5. อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิด
- 6. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
- 7. อาจช่วยจัดการกับเบาหวานชนิดที่ 2 และลดความเสี่ยงในการเกิด
- 8. อาจช่วยลดความดันโลหิต
- 9. ช่วยให้มีสุขภาพดีในวัยที่เพิ่มขึ้น
- 10. ช่วยส่งเสริมการทำงานที่ดีของสมอง
- 11. ส่งเสริมสุขภาพการสืบพันธุ์ของเพศชาย
- 12. ช่วยทำให้ไขมันในเลือดดีขึ้น
- 13. สามารถหาซื้อได้ง่าย และทานกับอาหารอะไรก็ได้
วอลนัทให้ไขมันที่มีประโยชน์ ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นได้
ในความเป็นจริงแล้ว ถั่วชนิดนี้ได้รับความสนใจมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา วอลนัทที่พบมากที่สุดคือวอลนัทอังกฤษ ซึ่งเป็นวอทนัทที่ถูกทำการศึกษามากที่สุดด้วย เหล่านี้เป็นประโยชน์ของวอลนัท 13 ประการที่มีหลังฐานทางวิทยาศาสตร์รับรอง
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
วอลมีกิจกรรมต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าถั่วชนิดอื่น
กิจกรรมต้านอนุมูลอิสระนี้เกิดมาจากวิตามินอี เมลาโทนิน และสารประกอบพืชอื่น ๆ ที่เรียกว่า โพลีฟีนอล ซึ่งมีอยู่มากบนผิวขิงวิลนัท
การศึกษาในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีพบว่า การรับประทานวอลนัทช่วยป้องกันการถูกทำลายจากคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี
ซึ่งนั่นเป็นประโยชน์ เพราะคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมีแนวโน้มที่จะไปเกาะอยู่ที่หลอดเลือดใหญ่ ทำให้เกิดหลอดเลือดแข็ง
2. เป็นแหล่งของโอเมก้า 3
วอลนัทเป็นถั่วที่มีโอเมก้า 3 สูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ
โอเมก้า 3 จากพืช เช่น วอลนัท เรียกว่า Alpha-linolenic acid (ALA) ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นที่ควรได้รับจากมื้ออาหาร
ในการศึกษาในผู้ที่ได้รับ ALA พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจลงได้ถึง 10%
3. อาจช่วยลดการอักเสบ
การอักเสบเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 อัลไซเมอร์ และมะเร็งต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะเครียดออกซิเดชั่น
โพลีฟีนอลในวอลนัทสามารถช่วยต่อสู้กับภาวะเครียดออกซิเดชั่น และการอักเสบได้ กลุ่มย่อยของโพลีฟีนอลที่เรียกว่า แอลลาจิกแทนนินอาจรวมอยู่ในนี้ด้วย
แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้เปลี่ยนแอลลาจิกแทนนินเป็นสารประกอบที่เรียกว่า ยูโรลิทิน ที่พบว่าเป็นส่วนช่วยต้านการอักเสบ
ALA กรดไขมันโอเมก้า 3 แมกนีเซียม และกรดอะมิโนแอลลาจิกในวอลนัทอาจช่วยลดการอักเสบได้
4. ทำให้สุขภาพลำไส้ดีขึ้น
การศึกษาพบว่า หากลำไส้ของคุณมีแบคทีเรียที่ดีอยู่มาก คุณจะมีสุขภาพลำไส้ และสุขภาพโดยรวมที่ดี
ความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้สามารถทำให้เกิดการอักเสบ และโรคอื่น ๆ ที่ลำไส้ และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และมะเร็ง
สิ่งที่เราทานเข้าไปมีความสำคัญต่อแบคทีเรียในลำไส้ของเรา การรับประทานถั่ววอลนัทก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น
5. อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิด
กาารศึกษาในหลอดทดลอง ในสัตว์ และในมนุษย์แนะนำว่า การรับประทานวอลนัทอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น วอลนัทมาแอลลาจิกแทนสูง แบคทีเรียในลำไส้บางชนิดสามารถเปลี่ยนสารนี้ให้เป็นยูโรลิทินได้
ยูโรลิทินมีคุณสมบัติต้านการอักเสบในลำไส้ของคุณ ซึ่งการรับปะทานวอลนัทอาจช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ คุณสมบัตินี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งชนิดอื่นได้อีกด้วย
6. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
วอลนัทอัดแน่นไปด้วยพลังงาน แต่พลังงานที่ถูกดูดซึมจากวอลนัทนั้นมีเพียง 21% เท่านั้น
การรับประทานวอลนัทยังช่วยควบคุมการอยากอาหาร
ในการศึกษาคนอ้วน 20 คนที่ดื่มสมู้ทตี้ที่มีวอลนัท 1.75 ออนซ์ วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน พบว่าช่วยลดความหิว และการอยากอาหาร เมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มหลอก
7. อาจช่วยจัดการกับเบาหวานชนิดที่ 2 และลดความเสี่ยงในการเกิด
ในการศึกษาหลายชิ้นกล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่วอลนัทมีความเชื่อมโยงกับเบาหวานชนิดที่ 2 คือ พวกมันช่วยควบคุมน้ำหนัก น้ำหนักส่วนเกินเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดน้ำตาลในเลือดสูง และโรคเบาหวาน
8. อาจช่วยลดความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุหลักของความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง
จากการศึกษาพบว่า การรับประทานวอลนัทอาจช่วยลดความดันโลหิต ทั้งในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีความเครียด
ซึ่งทำให้เห็นว่าถั่วชนิดนี้อาจช่วยทำให้ความดันเลือดดีขึ้น และทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นด้วย
9. ช่วยให้มีสุขภาพดีในวัยที่เพิ่มขึ้น
เมื่อคุณมีอายุเพิ่มขึ้น การทำงานของร่างกายที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่จะทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดี
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีคือการรับประทานอาหารที่ดี ในการศึกษาในผู้หญิง 50,000 พบว่า การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยของร่างกายลง 13% วอลนัทเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่อยู่ในอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
แม้ว่าจะเป็นถั่วที่มีพลังงานสูง วอลนัทมีวิตามิน แร่ธาตุที่สำคัญ ใยอาหาร ไขมัน และสารประกอบพืชที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพเมื่อคุณมีอายุเพิ่มขึ้น
10. ช่วยส่งเสริมการทำงานที่ดีของสมอง
มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าถั่ววอลนัทอาจช่วยให้สมองของคุณดีขึ้น
การศึกษาในสัตว์ และหลอดทดลองพบว่า สารอาหารในวอลนัท รวมไปถึง ไขมันไม่อิ่มตัว โพลีฟีนอล และวิตามินอี อาจช่วยดควาเสียหาย และการอักเสบของสมอง
การศึกษา 10 เดือนในหนูที่ให้วอลนัทเป็นอาหารพบมีการพัฒนาขึ้นของการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ความจำ และมีการลดลงของความวิตกกังวล
11. ส่งเสริมสุขภาพการสืบพันธุ์ของเพศชาย
อาหารตะวันตกนั้น ปกติมักจะเป็นอาหารหมัก มีน้ำตาล และเป็นธัญพืชขัดสี ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการลดลงของสเปิร์ม
การรับประทานวอลนัทอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของเสปิร์ม และการเจริญพันธุ์ของผู้ชาย
ในการศึกษานผู้ชาย 117 คนให้รับประทานวอลนัท 75 กรัมในมื้ออาหารของพวกเขาเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าอสุจิมีรูปร่าง การเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไม่ได้กินถั่ว
12. ช่วยทำให้ไขมันในเลือดดีขึ้น
คอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี และไตรกลีเซอไรด์มีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ การรับประทานวอลนัทเป็นประจำทำให้คอเรสเตอรอลลดลง
ผู้ที่รับประทานวอลนัทมีระดับของ Apolipoprotein-B ลดลง ซึ่งเป็นตัวกำหนดระดับของคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด Apolipoprotein-B เป็นความเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ
13. สามารถหาซื้อได้ง่าย และทานกับอาหารอะไรก็ได้
คุณสามารถหาซื้อวอลนัทได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ถั่ววอลนัทดิบสามารถนำไปทำขนม หรืออบได้
- วอลนัท 28 กรัม หรือ 1 อุ้งมือให้พลังงาน 190 กิโลแคลลอรี่
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถรับประทานวอลนัทเป็นของว่างได้เลย แต่ก็มีวิธีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เรารับปรัทานวอลนัทได้:
- นำไปใส่ในสลัด
- ใส่ในซอส
- หั่นแล้วอบกับขนมปัง หรือสโคน
- บดแล้วหมักกับปลา หรือไก่
- ใส่ในโอ๊ตมีล หรือโยเกิร์ต
- หั่นแล้วใส่ในแซนวิช
- อบแล้วใส่ใน trail mix
- นำไปผัดกับเมนูโปรด
- ใส่ในพาสต้า
- ใช้น้ำมันวอลนัทเป็นน้ำสลัด
ข้อควรระวัง : ผู้ที่แพ้วอลนัทไม่ควรรับประทาน
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก