ประโยชน์ของวอลนัท (Benefits of Walnut)

ประโยชน์ของวอลนัท (Benefits of Walnut)

24.06
10297
0

วอลนัทให้ไขมันที่มีประโยชน์ ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นได้ 

ในความเป็นจริงแล้ว ถั่วชนิดนี้ได้รับความสนใจมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา วอลนัทที่พบมากที่สุดคือวอลนัทอังกฤษ ซึ่งเป็นวอทนัทที่ถูกทำการศึกษามากที่สุดด้วย เหล่านี้เป็นประโยชน์ของวอลนัท 13 ประการที่มีหลังฐานทางวิทยาศาสตร์รับรอง 

1. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง 

วอลมีกิจกรรมต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าถั่วชนิดอื่น 

กิจกรรมต้านอนุมูลอิสระนี้เกิดมาจากวิตามินอี เมลาโทนิน และสารประกอบพืชอื่น ๆ ที่เรียกว่า โพลีฟีนอล ซึ่งมีอยู่มากบนผิวขิงวิลนัท 

การศึกษาในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีพบว่า การรับประทานวอลนัทช่วยป้องกันการถูกทำลายจากคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี 

ซึ่งนั่นเป็นประโยชน์ เพราะคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมีแนวโน้มที่จะไปเกาะอยู่ที่หลอดเลือดใหญ่ ทำให้เกิดหลอดเลือดแข็ง 

2. เป็นแหล่งของโอเมก้า 3 

วอลนัทเป็นถั่วที่มีโอเมก้า 3 สูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ 

โอเมก้า 3 จากพืช เช่น วอลนัท เรียกว่า Alpha-linolenic acid (ALA) ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นที่ควรได้รับจากมื้ออาหาร 

ในการศึกษาในผู้ที่ได้รับ ALA พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจลงได้ถึง 10% 

3. อาจช่วยลดการอักเสบ 

การอักเสบเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 อัลไซเมอร์ และมะเร็งต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะเครียดออกซิเดชั่น 

โพลีฟีนอลในวอลนัทสามารถช่วยต่อสู้กับภาวะเครียดออกซิเดชั่น และการอักเสบได้ กลุ่มย่อยของโพลีฟีนอลที่เรียกว่า แอลลาจิกแทนนินอาจรวมอยู่ในนี้ด้วย 

แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้เปลี่ยนแอลลาจิกแทนนินเป็นสารประกอบที่เรียกว่า ยูโรลิทิน ที่พบว่าเป็นส่วนช่วยต้านการอักเสบ 

ALA กรดไขมันโอเมก้า 3 แมกนีเซียม และกรดอะมิโนแอลลาจิกในวอลนัทอาจช่วยลดการอักเสบได้  

4. ทำให้สุขภาพลำไส้ดีขึ้น 

การศึกษาพบว่า หากลำไส้ของคุณมีแบคทีเรียที่ดีอยู่มาก คุณจะมีสุขภาพลำไส้ และสุขภาพโดยรวมที่ดี 

ความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้สามารถทำให้เกิดการอักเสบ และโรคอื่น ๆ ที่ลำไส้ และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และมะเร็ง 

สิ่งที่เราทานเข้าไปมีความสำคัญต่อแบคทีเรียในลำไส้ของเรา การรับประทานถั่ววอลนัทก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น 

5. อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิด 

กาารศึกษาในหลอดทดลอง ในสัตว์ และในมนุษย์แนะนำว่า การรับประทานวอลนัทอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ 

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น วอลนัทมาแอลลาจิกแทนสูง แบคทีเรียในลำไส้บางชนิดสามารถเปลี่ยนสารนี้ให้เป็นยูโรลิทินได้ 

ยูโรลิทินมีคุณสมบัติต้านการอักเสบในลำไส้ของคุณ ซึ่งการรับปะทานวอลนัทอาจช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ คุณสมบัตินี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งชนิดอื่นได้อีกด้วย 

6. ช่วยควบคุมน้ำหนัก 

วอลนัทอัดแน่นไปด้วยพลังงาน แต่พลังงานที่ถูกดูดซึมจากวอลนัทนั้นมีเพียง 21% เท่านั้น 

การรับประทานวอลนัทยังช่วยควบคุมการอยากอาหาร 

ในการศึกษาคนอ้วน 20 คนที่ดื่มสมู้ทตี้ที่มีวอลนัท 1.75 ออนซ์ วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน พบว่าช่วยลดความหิว และการอยากอาหาร เมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มหลอก 

Benefits of Walnut

7. อาจช่วยจัดการกับเบาหวานชนิดที่ 2 และลดความเสี่ยงในการเกิด 

ในการศึกษาหลายชิ้นกล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่วอลนัทมีความเชื่อมโยงกับเบาหวานชนิดที่ 2 คือ พวกมันช่วยควบคุมน้ำหนัก น้ำหนักส่วนเกินเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดน้ำตาลในเลือดสูง และโรคเบาหวาน 

8. อาจช่วยลดความดันโลหิต 

ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุหลักของความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง 

จากการศึกษาพบว่า การรับประทานวอลนัทอาจช่วยลดความดันโลหิต ทั้งในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีความเครียด 

ซึ่งทำให้เห็นว่าถั่วชนิดนี้อาจช่วยทำให้ความดันเลือดดีขึ้น และทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นด้วย 

9. ช่วยให้มีสุขภาพดีในวัยที่เพิ่มขึ้น 

เมื่อคุณมีอายุเพิ่มขึ้น การทำงานของร่างกายที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่จะทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดี  

สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีคือการรับประทานอาหารที่ดี ในการศึกษาในผู้หญิง 50,000 พบว่า การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยของร่างกายลง 13% วอลนัทเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่อยู่ในอาหารที่ดีต่อสุขภาพ 

แม้ว่าจะเป็นถั่วที่มีพลังงานสูง วอลนัทมีวิตามิน แร่ธาตุที่สำคัญ ใยอาหาร ไขมัน และสารประกอบพืชที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพเมื่อคุณมีอายุเพิ่มขึ้น 

10. ช่วยส่งเสริมการทำงานที่ดีของสมอง 

มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าถั่ววอลนัทอาจช่วยให้สมองของคุณดีขึ้น 

การศึกษาในสัตว์ และหลอดทดลองพบว่า สารอาหารในวอลนัท รวมไปถึง ไขมันไม่อิ่มตัว โพลีฟีนอล และวิตามินอี อาจช่วยดควาเสียหาย และการอักเสบของสมอง 

การศึกษา 10 เดือนในหนูที่ให้วอลนัทเป็นอาหารพบมีการพัฒนาขึ้นของการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ความจำ และมีการลดลงของความวิตกกังวล 

11. ส่งเสริมสุขภาพการสืบพันธุ์ของเพศชาย 

อาหารตะวันตกนั้น ปกติมักจะเป็นอาหารหมัก มีน้ำตาล และเป็นธัญพืชขัดสี ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการลดลงของสเปิร์ม 

การรับประทานวอลนัทอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของเสปิร์ม และการเจริญพันธุ์ของผู้ชาย 

ในการศึกษานผู้ชาย 117 คนให้รับประทานวอลนัท 75 กรัมในมื้ออาหารของพวกเขาเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าอสุจิมีรูปร่าง การเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไม่ได้กินถั่ว 

12. ช่วยทำให้ไขมันในเลือดดีขึ้น 

คอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี และไตรกลีเซอไรด์มีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ การรับประทานวอลนัทเป็นประจำทำให้คอเรสเตอรอลลดลง 

ผู้ที่รับประทานวอลนัทมีระดับของ Apolipoprotein-B ลดลง ซึ่งเป็นตัวกำหนดระดับของคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด Apolipoprotein-B เป็นความเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ 

13. สามารถหาซื้อได้ง่าย และทานกับอาหารอะไรก็ได้ 

คุณสามารถหาซื้อวอลนัทได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ถั่ววอลนัทดิบสามารถนำไปทำขนม หรืออบได้ 

  • วอลนัท 28 กรัม หรือ 1 อุ้งมือให้พลังงาน 190 กิโลแคลลอรี่ 

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถรับประทานวอลนัทเป็นของว่างได้เลย แต่ก็มีวิธีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เรารับปรัทานวอลนัทได้: 

  • นำไปใส่ในสลัด 
  • ใส่ในซอส 
  • หั่นแล้วอบกับขนมปัง หรือสโคน 
  • บดแล้วหมักกับปลา หรือไก่ 
  • ใส่ในโอ๊ตมีล หรือโยเกิร์ต 
  • หั่นแล้วใส่ในแซนวิช 
  • อบแล้วใส่ใน trail mix
  • นำไปผัดกับเมนูโปรด 
  • ใส่ในพาสต้า 
  • ใช้น้ำมันวอลนัทเป็นน้ำสลัด 

ข้อควรระวัง : ผู้ที่แพ้วอลนัทไม่ควรรับประทาน 

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *