อาการปวดกราม (Jaw Pain) ในบางครั้งอาจกระจายอาการปวดร้าวไปทั่วบริเวณใบหน้าซึ่งเป็นอาการที่พบได้ตามปกติทั่วไป อาการอาจแย่กว่าเดิมได้หากมีการติดเชื้อไซนัสร่วมด้วย การปวดฟันหรือมีปัญหาเกี่ยวกับ เส้นเลือดหรือเส้นประสาท หรือร่วมกับโรคอื่นๆ
อาการปวดกรามมีหลายประเภท เป็นผลมาจากภาวะความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร หลายรายที่พบเจออาการปวดกรามไม่จำเป็นต้องรีบไปพบแพทย์ในทันที แต่ในบางกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องพบแพทย์
ในรายที่อาการรุนแรง ปวดอย่างหนักเกินกว่าที่จะทนไหวควรไปพบแพทย์
ในบทความนี้จะได้พบกับสาเหตุที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดกราม รวมไปถึงทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสม
อาการปวดกราม
อาการหลักและอาการร่วมของภาวะปวดกรามและใบหน้ามีมากมายหลายรูปแบบขึ้นอยู่สาเหตุ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- อาการปวดใบหน้ามากขึ้นเมื่อขยับกราม
- ข้อและกล้ามเนื้อกดเจ็บ
- เคลื่อนไหวขยับได้อย่างจำกัด
- ตำแหน่งกรามมีปัญหา
- มีเสียงคลิก เสียงกรุบกรับเวลาอ้าปากหุบปาก
- มีเสียงวิ้งในหู
- ปวดหู
- ปวดศีรษะพร้อมอาการเจ็บหรือไม่เจ็บหูก็ได้ และรู้สึกเจ็บด้านหลังหู
- ขากรรไกรค้าง
- เกิดอาการปวดตั้งแต่ตื้อๆไปจนปวดแปลบ
- เวียนศีรษะ
- ปวดฟัน
- ปวดศีรษะ
- ปวดเส้นประสาท มีอาการร้อนผ่าว
- มีไข้สูง
- หน้าบวม
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นได้หากไม่ไปพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดกราม ภาวะแทรกซ้อนนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยอื่นๆ เช่น
- ภาวะแทรกซ้อนทางทันตกรรม
- ภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัด
- การติดเชื้อ
- อาการปวดอย่างต่อเนื่อง
- อารมณ์เครียด
- ไม่อยากอาหารในระหว่างมีอาการปวดหรือกับการเคี้ยวและกลืนอาหาร
ปวดกรามเพราะอะไร
อาการปวดกรามอาจเกิดมาจากการบาดเจ็บทางร่างกาย การเสียหายของเส้นประสาทหรือเส้นเลือด ภาวะการติดเชื้อและอีกสาเหตุอื่นๆอีกมากมาย
ภาวะความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรเป็นกลุ่มอาการที่เป็นผลมาจากเรื่องของกระดูก ข้อต่อและกล้ามเนื้อที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของขากรรไกร เป็นสาเหตุของอาการปวดและความรู้สึกไม่สบายตัว
อาการปวดหรือเจ็บกรามมักเป็นอาการที่สามารถหายเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์หรือทำการรักษาใดๆ
อาการปวดกรามมีหลายอาการแต่ทั่วไปจะมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการปวดขากรรไกรหรือที่บริเวณใบหน้า
- ขากรรไกรค้าง
- มีเสียงคลิก เสียงเปาะหรือเสียงกรุบกรับ
- เกิดอาการกัดฟัน
- ไม่สามารถเคี้ยวหรืออ้าปากได้
- รู้สึกร้อนผ่าวในปาก
- เสียวฟัน
ข้อมูลด้านล่างเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการปวดกรามได้เช่นกัน
การบาดเจ็บ
อาการปวดกรามอาจเป็นผลมาจาก:
ขากรรไกรแตก: อาจเกิดจากการล้มหรือโดนกระแทกเข้าที่บริเวณใบหน้า
ขากรรไกรเคลื่อน: เกิดจากการอ้าปากที่กว้างเกินไปเช่นเวลาหาว
การผ่าตัดฟัน: เกิดอาการปวดกรามเพราะต้องอ้าปากเป็นเวลานานในการผ่าตัด
การบาดเจ็บหรืออาการตึงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อตึงเครียด ส่งผลให้เกิดอาการปวดกรามด้วยเช่นกัน
การนอนกัดฟันหรือบดฟัน
หลายๆท่านมีอาการกัดฟันหรือบดฟันในขณะนอนหลับหรืออยู่ในอารมณ์เครียด ที่เราเรียกกันว่าอาการนอนกัดฟัน ส่งผลให้ฟันเสียหายและเกิดอาการปวดกราม
เรียนรู้เรื่องอาการนอนกัดฟันเพิ่มเติมได้ที่นี่
ปัญหาด้านสุขภาพฟัน
โรคเหงือกอักเสบ ช่องว่างระหว่างฟัน ฟันชำรุดเสียหายและฟันเป็นหนอง ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการปวดกรามเพิ่มขึ้นได้
ปวดประสาท
เป็นภาวะที่ร่างกายมีอาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทเมื่อเส้นประสาทมีความเสียหายจึงส่งสัญญานความเจ็บปวดไปยังสมอง อาการนี้อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรืออาจเกิดเป็นบางครั้งบางคราว
ยกตัวอย่างโรคปวดประสาทอย่างเช่น โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า โรคงูสวัด และมะเร็งที่ส่งผลให้เกิดอาการปวด
โรคเกี่ยวกับเส้นเลือด
ในบางครั้งการมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเส้นเลือดก็เป็นสาเหตุของอาการปวดกรามได้ ยกตัวอย่างเช่น โรคหลอดเลือดแดงเทมพอรัลอักเสบหรือภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่อักเสบ และอาการปวดเค้นในอก
โรคหลอดเลือดแดงเทมพอรัลอักเสบมักเกิดที่ศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง อาจเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ปวดศีรษะและอาการปวดกราม จัดว่าเป็นภาวะเสี่ยง
อาการปวดเค้นในอก เกิดขึ้นเมื่อหัวใจรับปริมาณออกซิเจนที่ไม่เพียงพอ มีสาเหตุมาจากการอุดตันหรือหดเกร็งของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกพร้อมๆกับอาการปวดกราม คนที่มีอาการปวดเค้นในอกมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจวาย
โรคกระดูกอักเสบ
โรคกระดูกอักเสบเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก เป็นภาวะติดเชื้อที่ส่งผลต่อกระดูกขากรรไกรและเนื่อเยื่อ เป็นอาการแทรกซ้อนจากการผ่าตัดฟันที่พบได้ไม่บ่อยนัก
การปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว
อาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็งตัวเป็นผลมาจากความเครียด
สาเหตุจากโรคอื่นๆ
บางโรคอาจทำให้เกิดอาการกรามและใบหน้าปวดได้เช่น
- โรคต่อมน้ำลาย
- ภาวะเครียด เหนื่อยล้า และพักผ่อนไม่เพียงพอ
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่นโรคลูปัส
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคไฟโบรมัยอัลเจีย
- โรคไซนัสอักเสบ
- หูติดเชื้อ
- มีปัญหาทางด้านจิตใจบางอย่าง
การวินิจฉัย
ในการวินิจฉัยแพทย์จะทำการสอบถามอาการผู้ป่วยและตรวจร่างกาย อาจมีการตรวจเลือดหรือเอกซเรย์หรืออาจทั้งสองอย่าง
ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์
หรือหากพบว่าอาการปวดมาจากโรคอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ แพทย์จะแนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางนั้นๆ
การรักษาอาการปวดกราม
การรักษาขึ้นอยู่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวด ซึ่งมีมากมายดังต่อไปนี้
แพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อรักษาตามอาการเช่น
- ยาปฏิชีวนะ หากตรวจแล้วพบว่าอาการเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ยาคลายกล้ามเนื้อ
- ยาบรรเทาอาการปวดแบบรับประทานหรือแบบสเปรย์
- ฉีดสเตรียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบหรือการบวม
- การรักษาด้วยยาต้านไวรัส เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อจากไวรัส เช่น งูสวัด
ในบางราย อาจมีความจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอากระดูกที่เสียหายออกหรือแก้ไขขากรรไกรใหม่
ด้วยการบำบัดทางกาย เช่น:
- ป้องกันการกระแทกของฟันเช่นยางกันกระแทกฟัน
- ลองทำกายภาพบำบัด
- บำบัดด้วยการผ่อนคลาย
- ยืดเส้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่ยของกล้ามเนื้อ
- ตรวจเช็คลักษณะการยืนท่าทาง เพื่อไม่ให้คอและหลังยึดเกร็ง
หรือด้วยการรักษาทางทันตกรรม เช่น:
- รักษารากฟัน
- การถอนฟัน
- การบำบัดร้อนหรือเย็น
หรือด้วยการบำบัดทางเลือก:
- รับประทานอาหารอ่อนๆเพื่อป้องกันไม่ให้กรามทำงานหนักเกินไป
- การนวด
- การฝังเข็ม
การป้องกัน
หากเคยมีอาการปวดกรามมาก่อน ให้ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยป้องกันการกลับมาเกิดซ้ำ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ยืดระยะเวลาที่อาจกลับมาเป็นอีกครั้งออกไป
- รับประทานอาหารนิ่มหรือเหลว เช่นซุบหรือพาสต้า
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ต้องเคี้ยวหรือบดขยี้เช่นหมากฝรั่ง
- รับประทานอาหารคำเล็กๆ
การป้องกันระยะยาวเช่น:
- ทำฟันเป็นประจำ
- ลดความเครียดด้วยการบำบัด โยคะหรือการออกกำลังกายอื่น
- นวดบริเวณกรามเพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ใช้ยางกันกระแทกฟันเพื่อหยุดอาการการกัดฟันหรือบดฟัน
- ยืนให้ถูกท่า และไม่ถือหรือสะพายกระเป๋าหนักบนบ่าเป็นเวลานาน
เมื่อไรควรต้องไปพบแพทย์
อาการปวดกรามไม่มีความจำเป็นต้องไปพบแพทย์ จะต้องไปก็ต่อเมื่อ:
- การดูแลขั้นต้นที่บ้านไม่ได้ทำให้อาการปวดกรามดีขึ้น
- อาการปวดกรามส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- มีการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของกรามหรือฟัน
- กรามมีเสียงดังคลิก กรุบกรับเวลาขยับ
- มีอาการปวดที่ต้นคอหรือหลังส่วนบน
- มีอาการปวดตา การมองเห็นเปลี่ยนไปหรือปวดศีรษะ
- มีเสียงอื้อ เสียงวิ้งในหูร่วมกับอาการปวดกราม
- มีปัญหาด้านทันตกรรมเช่นฟันแตกหัก
- มีอาการบวมเป็นสัญญานของการติดเชื้อ
- มีไข้สูง
บางรายควรปรึกษาหมอฟันหรือแพทย์เกี่ยวกับอาการปวดกรามเพื่อวินิจฉัยและหาทางรักษาอย่างเหมาะสมหากมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/317184
- https://www.webmd.com/oral-health/why-your-jaw-hurts
- https://www.mouthhealthy.org/en/az-topics/j/jaw-pain
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก