อาการคลื่นไส้และอาเจียน (Nausea and Vomit) เป็นความรู้สึกไม่สบายทางกระเพาะอาหาร ซึ่งมักจะเกิดขึ้นก่อนการอาเจียน
สาเหตุของการคลื่นไส้และอาเจียน
สาเหตุของอาการคลื่นไส้และอาเจียนมีได้หลายอย่าง ดังนี้ :
การตั้งครรภ์
อาการคลื่นไส้และอาเจียนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ระหว่างการตั้งครรภ์ เนื่องจากการเปลี่ยแปลงของฮอร์โมน โดยคนส่วนมากจะเรียกว่า อาการแพ้ท้อง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน
โดยที่จะเริ่มมีอาการในสัปดาห์ที่ 9 ของการตั้งครรภ์ และหายไปในสัปดาห์ที่ 14 แต่บางคนก็อาจมีอาการตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์
3% ของคนท้องอาจมีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดน้ำ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
เคล็ดลับในการลดอาการแพ้ท้อง
ระบบประสาทส่วนกลาง
โรคที่เกิดขึ้นกับระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้
ตัวอย่างเช่น:
- ไมเกรน
- อาการชัก
- เนื้องอก
- โรคหลอดเลือดสมอง
- การบาดเจ็บที่ศรีษะ
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- น้ำคั่งในโพรงสมอง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางที่ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้
ปัญหาเกี่ยวกับหู
ความผิดปกติของหูชั้นใน ก็เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว และนำไปสู่การวิงเวียน คลื่นไส้และอาเจียนได้
อาการของความผิดปกติของหูชั้นใน รวมไปถึง :
- อาการเมารถ
- หูอักเสบ: เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในหูชั้นใน
- ตะกอนหินปูในหูชั้นในเคลื่อนที่: เป็นการเคลื่อนที่ที่เล็กน้อย เข่นการขยับศรีษะ อาจกระตุนให้เกิดอาการวิงเวียนได้
- โรคเมเนียร์: เป็นอาการระยะยาวที่จะส่งผลต่อการทรงตัว ทำให้เกิดอาการวิงเวียน หูอื้และสุญเสียการได้ยิน
ความผิดปกติในช่องท้องและเชิงกราน
ความผิดปกตินี้ จะส่งผลต่อระบบทางเกินหาร ระบบสืบพันธุ์ ตับ และส่วนอื่นๆของร่างกาย ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้
ตัวอย่างเช่น:
- ตับอักเสบ
- ตับอ่อนอักเสบ
- การอุนตันหรือระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
- กรดไหลย้อน
- โรคไต
- โรคถุงน้ำดี
- การติดเชื้อในกระเพาะและลำไส้อักเลบ
- อาการท้องผูก
- เป็นประจำเดือน
อาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าและความเครียด
ความผิดปกติทางจิตใจ สามารถส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้ เช่น:
- อาการวิตกกังวล หรือความผิดปกติต่างๆที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะซึมเศร้า
- โรคเบื่ออาหาร
- โรคบูลิเมีย เนอร์โวซา
นอกเหนือจากอาการคลื่นไส้แล้ว อาการวิตกกังวลอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ท้องเสียและปัสสาวะบ่อย
มะเร็ง
มะเร็งบางชนิด สามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ รวมไปถึง:
- เนื้องอกในสมอง
- มะเร็งที่ทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้
- มะเร็งในระบบทางเดินอาหาร
- เนื้องอกบริเวณตับอ่อน
- มะเร็งปอด
- มะเร็งรังไข่
การรักษาโรคมะเร็ง
อาการคลื่นไส้และอาเจียน เป็นผลข้างเคียงปกติของการรักษาโรคมะเร็ง.
ยาสามารถช่วยจัดการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น เบื่ออาหาร ความเสียหายของหลอดอาหาร การขาดน้ำและสารอาหาร การเปิดแผลผ่าตัด เป็นต้น
โดยปกติแล้ว การรักษาโรคมะเร็งมักจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้:
เคมีบำบัด
ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมไปถึงประเภทของมะเร็ง ปริมาณยา และการตอบสนองของแต่ละบุคคล
การรักษาด้วยรังสี
จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น เมื่อการรักษาเกี่ยวข้องกับสมอง ตับ หรือระบบทางเดินอาหาร และจะมีอาการเพิ่มขึ้ยตามปริมาณของยาที่ได้รับอีกด้วย
ผู้ป่วยอาจได้รับความเสี่ยงจากการทำเคมีบำบัดหรือการรักษาด้วยรังสีได้มากขึ้น ถ้าหาก :
- มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรงบ่อย ในการรักษาก่อนหน้า
- เป็นผู้หญิง
- มีอายุต่ำกว่า 50 ปี
- มีอาการท้องผูก
- ใช้ยาบางชนิดเช่น opioids
- มีความวิตกกังวล
- มีอาการติดเชื้อ
- เป็นโรคไต
- ของเหลวในร่างกายไม่สมดุล
วิธีการรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดอาการ แต่ยาบางชนิดเช่น ยาต้านฮิสทามีน ก็สามารถรักษาอาการได้
สามารถหายาเพื่อบรรเทาอาการได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาที่แรงขึ้น
หลังจากใช้ยา ผู้ป่วยควรดูแลตัวเองและควร:
- อ่านคำแนะนำบนฉลาก
- ปฏิบัติตามคำแนะนำและใช้ตามปริมาณ
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาชนิดใหม่
- ปรึกษาแพทย์หากไม่สามารถใช้ยาในการรักษาได้
ยาต้านฮิสทามีน
ยาต้านฮิสืาทีนสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ จากอาการเมารถ ไมเกรน หรือวิงเวียนศรีษะได้
เช่น ยา dimenhydrinate (Dramamine) และ ยา meclizine hydrochloride (Dramamine Less Drowsy).
ควรรับประทานยาก่อนออกเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงอาการวิงเวียน
ผลข้างเคียงของยา:
- ง่วงนอน
- ตาแห้ง
- ปากแห้ง
ผู้ที่ใช้ยาระงับประสาท ยาคล้ายกล้ามเนื้อหรือยานอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ภาพรวม
อาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการทั่วไปของโรคต่างๆ และสามารถหายไปเองได้โดยไม่ต้องรับการรักษา แต่ก็มีทางที่สามารถป้องกันการเกิดอาการได้
ผู้ที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนต่อเนื่องอย่างรุนแรง มีความเสียงที่ร่างกายจะขาดน้ำ รวมไปถึงมีอาการอื่นๆรวมด้วย จึงควรไปพบแพทย์ทันที
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.webmd.com/digestive-disorders/digestive-diseases-nausea-vomiting
- https://www.mayoclinic.org/symptoms/nausea/basics/causes/sym-20050736
- https://medlineplus.gov/nauseaandvomiting.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก